ภูมิธรรม บอกไม่มีปัญหา ป.ป.ช.ตั้ง 31 อรหันต์ ศึกษาดิจิทัลวอลเล็ต พร้อมขอยึดวัตถุประสงค์โครงการพิจารณา ไม่ใช่วัตถุประสงค์ตนเป็นที่ตั้ง มองกู้เงิน 5.6 แสนล้านกระตุ้นศก. ไม่มีปัญหา เหตุรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ ใช้พ.ร.ก.กู้เงินเป็นล้านล้านบาท ก็ไม่มีปัญหา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณี ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช ลงนามคำสั่ง ตั้ง 31 อรหันต์ คณะกรรมการเพื่อศึกษา และดำเนินการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า
มองในแง่ดีคณะกรรมการป.ป.ช.พยายามดูให้เรียบร้อยและถูกต้องตามกฎหมายมากที่สุด ซึ่งไม่มีปัญหาและยินดีให้ทาง ป.ป.ช.ศึกษา และแลกเปลี่ยนกับรัฐบาล พร้อมขอให้เอาวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นที่ตั้ง เนื่องจาก 9-10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศล้มลุกคลุกคลาน หากฟังจากนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกจะทราบว่าประเทศของเราอยู่ในระดับใด หากยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อนาคตข้างน้าของเรานั้นมืดมน พร้อมกับมองว่า หากเศรษฐกิจของเราตกลงมากกว่านี้ก็จะมีปัญหา
หากย้อนดูก่อนการรัฐประหารปี 2557 เมืองอุดรธานีเป็นเมืองที่คึกคักมาก ประชาชนจากฝั่งลาวเข้ามาเที่ยว ในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจเติบโต แต่เมื่อมีการรัฐประหาร นีกทั้งเที่ยวก็ค่อยๆหายไป กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีก็ค่อยๆ ล้มไป เศรษฐกิจฟุบมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นถ้าปรารถนาจะให้ประเทศเติบโตได้ต้องพัฒนาเศรษฐกิจให้ได้
นายภูมิธรรม มองว่า ฉะนั้นวัตถุประสงค์การกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นกระดุมเม็ดแรก ที่จะทำให้ GDP ของประเทศเติบโต ก้าวพ้นหลุมดำของปัญหา พร้อมขอให้ป.ป.ช.คำนึงถึงวัตถุประสงค์และตรวจสอบตามวัตถุประสงค์ ดูว่ามีข้อกฎหมายอะไรบ้าง หากข้อกฎหมายนั้นล้าสมัยก็ขอให้ช่วยกันมองว่าจะหาทางออกอย่างไร ไม่อยากให้ใช้วัตถุประสงค์ของตนเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามย้ำว่าพร้อมที่จะปรับหลักเกณฑ์แต่ไม่ถอยใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า วัตถุประสงค์ต้องเอาเป็นที่ตั้ง แต่กระบวนการถ้าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ก็จะดี ต้องไปดูว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างที่เราปรารถนาหรือไม่ ถ้ายังอยู่ในวัตถุประสงค์ที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก็ถือว่าไม่มีปัญหา
ขณะที่การกู้เงิน 5.6 แสนล้าน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่มีปัญหายากลำบาก รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้เงินเป็นล้านล้านบาท และเป็นพระราชกฤษฎีกาก็ออกมาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเห็นว่าประเทศวิกฤตต้องเดินหน้า ก็ควรจะต้องช่วยกัน
ซึ่งตนคิดว่าโครงการนี้เป็นผลงานของประชาชนร่วมการทั่วประเทศ ทุกคนจะมีส่วนร่วมเป็นกำลังซื้อช่วยกันในช่วงที่มีปัญหาเศรษฐกิจ ก็อยากขอความร่วมมือเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคใด ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลคนเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง