มาดามเดียร์ กระทุ้งพรรคประชาธิปัตย์ หลังพลาดโอกาสชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ชี้ “แสงแห่งการเปลี่ยนแปลงมันไม่เกิด แล้วเราจะหวังแสงแห่งศรัทธาจากประชาชนกลับมาได้อย่างไร”
ในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2566 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ วันที่ 9 ธันวาคม 2566 เวลา 11.45 น. นายขยัน วิพรหมชัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.ลำพูน ได้เสนอชื่อ น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. เป็นหัวหน้าพรรค โดยมีผู้รับรอง 144 คน พร้อมทั้งเสนอญัตติให้การยกเว้นข้อบังคับข้อ 31(6) ที่กำหนดให้ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคได้เคยเป็น สส. หรือรัฐมนตรีของพรรค หรือต้องสังกัดพรรคมาไม่ต่ำกว่า 5 ปี
นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคและ สส.บัญชีรายชื่อ ลุกขึ้นกล่าวว่า มติ 3 ใน 4 เพื่อยกเว้นข้อบังคับนั้นไม่มีผลเปลี่ยนแปลงอะไร ถ้าเราจะเปิดโอกาสให้เราได้แข่งขัน จึงอยากสนับสนุนให้องค์ประชุมสนับสนุนให้ น.ส.วทันยา ลงคะแนนและได้แข่งขัน เมื่อแข่งขันแล้วผลออกมาอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น
ผลการยกมือโหวตได้คะแนน 139 เสียง ซึ่งไม่ถึง 3 ใน 4 ขององค์ประชุมคือ 196 เสียง จึงทำให้ น.ส.วทันยา หมดสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ต่อมา น.ส.วทันยา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ขอบคุณคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรคที่รับรองชื่อของตนในการลงสมัครหัวหน้าพรรคและคะแนนเสียงที่ยกเว้นข้อบังคับพรรค เธอกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เธอตั้งใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพราะว่า แม้ตัวเองจะเพิ่งได้มีโอกาสเดินเข้ามาทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ตั้งใจเข้ามาด้วยอุดมการณ์ ด้วยความหวังที่เราเชื่อมั่นและศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งเหลือ สส. เพียง 25 คน มันเป็นสิ่งที่สมาชิกพรรคทุกคนรู้สึกหวาดหวั่นว่าอนาคตของพรรคจะเป็นอย่างไร
น.ส.วทันยา กล่าวว่า วันนี้พรรคกำลังยืนอยู่บนทางแพร่ง 2 ทางคือ เราจะเข้าสู่อำนาจเพื่อใช้ระบบอุปถัมภ์ เมื่อวันหนึ่งไม่มีจะให้หรือให้เท่าไรก็ไม่พอ แล้วก็ทำได้แค่เพียงหวังว่าประชาชนจะให้โอกาสเราอีกครั้ง หรือการใช้อุดมการณ์ จิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์ในการที่ทำงานซื่อตรงกับประชาชน ในการที่จะยึดหลักของความถูกต้องเพื่อประชาชน และเป็นหนทางที่เราทำสำเร็จและได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนมาตลอด 77 ปี สิ่งที่เคยทำสเร็จในอดีตและความผิดพลาดที่ทำให้พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง เพราะว่าเราไม่สามารถสร้างอุดมการณ์ สร้างจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน เพื่อเป็นความหวังและเป็นทางเลือกให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ และวันที่กลัวที่สุดคือวันที่เรายืนอยู่บนทางสองแพร่งนี้ว่าจะฟื้นฟูอุดมการร์ได้สำเร็จ หรือจะเปลี่ยนไปแล้ว เธอจึงตัดสินใจลงสมัครหัวหน้าพรรค เพื่อรื้อฟื้นจิตวิญญาณประชาธิปัตย์ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ วิถีทางที่บริสุทธิ์ เหมือนที่หัวหน้าพรรคทั้ง 8 คนได้ทำมาตลอด นั่นคือทางรอดของพรรคประชาธิปัตย์
“เดียร์หวังว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น และได้แต่หวังว่าเพื่อนๆ สมาชิกพรรคทุกท่านจะเห็นเหมือนกัน มันทำให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เราหวังว่าจะทำให้ประชาชนจะกลับมาศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง วันนี้แสงแห่งความหวัง แสงแห่งความเปลี่ยนแปลงมันไม่เกิดขึ้น แล้วเราจะคาดหวังแสงแห่งศรัทธาจากประชาชนคืนมมาได้อย่างไร” น.ส.วทันยา กล่าว
เมื่อถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ น.ส.วทันยา ตอบว่า ต้องขอประเมิน ทบทวน และรอดูทิศทางของพรรค เราต้องเลือกที่จะทำการเมืองกับพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ตรงกัน แต่ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ก็เป็นเรื่องของเราที่ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังสมควรที่จะทำงานกับพรรคต่อไหม แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะมีสัญญาณที่บอกเราเอง ตอนนี้ตัดสินใจว่าจะยังไม่รับตำแหน่งใดๆ แต่ยังจะทำงานที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เช่น การขับเคลื่อนกฎหมายต่างๆ หรือที่ทำเพื่อประชาชนจะทำต่อ แต่งานที่ทำร่วมกับพรรคจะงดเว้นไปก่อนจนกว่าจะมีความชัดเจน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง