สู้ต่อ!!"มาดามเดียร์" ขอทำตามฝันชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ ยันไม่เปลี่ยนคำพูด ไม่กังวลล็อกชื่อ "เฉลิมชัย" เชื่อประชาธิปัตย์ ไม่มีเจ้าของคอยกดปุ่มชี้นิ้วสั่ง ลั่นต้องเลิกระบบอุปถัมภ์ เงื่อนไขทำขัดแย้งภายใน ชี้หากแพ้โหวตต้องทบทวน-ประเมินตนเอง จะไปต่อหรือไม่
นางสาววทันยา บุนนาค แคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว แสดงจุดยืนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ ว่า ความตั้งใจของตนเองคือเป็นการเสนอทางเลือกในการลงเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพราะว่าตนเองมีความเชื่อมั่นและศรัทธาว่า จะเป็นทางเดียวที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นที่ไว้วางใจ กลับมาเป็นที่หวังของประชาชนได้อีกครั้งหนึ่งก็คือการทำการเมืองและการทำอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาชัดเจน เพื่อเป็นที่มุ่งหวังและได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนแปลง แต่เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพื่อตัวเองเราเปลี่ยนแปลงเพื่อประชาชนเพื่อสังคม ที่วันนี้กำลังเผชิญกับความท้าทาย จะหาการเปลี่ยนแปลงของโลก และสังคม เช่น การปฏิวัติเทคโนโลยีต่างๆ เรื่องสภาวะโลกร้อนปัญหาสังคมสูงวัยที่ขนาดนี้ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ในขณะที่ประเทศเราไม่สามารถที่จะก้าวข้ามรายได้ปานกลาง นี่จึงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สังคมและประชาชนทุกคนจะต้องเผชิญความท้าทายในอนาคต
ดังนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคการเมืองจะต้องทำคือการที่เราจะต้องเสนอทางออกในการก้าวไปรอการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน
สุดท้ายตนจึงเชื่อว่าสิ่งที่พรรคการเมืองจะต้องทำคือการยึดโยงกับประชาชนการที่เราเคารพในเสียงของประชาชน ต้องรับฟังทุกความต้องการของประชาชนและการตัดสินใจเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง
นางสาววทันยา ยังกล่าวด้วยว่า ตนเองตั้งใจและศรัทธาในวิธีแห่งอุดมการณ์และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตนจึงเสนอตนเองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นตนจะไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดของตนเองและไม่เปลี่ยนแปลงจุดยืนของตนเองแต่จะขอสู้ให้ถึงที่สุด
ส่วนเมื่อวานนี้ประธาน สส. ออกมาเปิดเผยมติว่า จะมีการเสนอชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรค และรักษาการเลขาธิการพรรค ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป ทั้งที่นายเฉลิมชัย เคยประกาศวางมือทางการเมืองไปแล้วนั้น นางสาววทันยา กล่าวว่าตนไม่รู้สึกอะไร เพราะยิ่งมีแคนดิเดตมากเท่าไหร่ ก็จะถือเป็นโอกาสที่ดีที่พรรคจะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แต่ในส่วนของความคิดเห็น คำพูด การตัดสินใจของประชาชน ว่าเป็นเช่นนี้แล้ว ประชาชนจะรู้สึกอย่างไร ประชาชนจะยังคงไว้ใจประชาธิปัตย์หรือไม่
สำหรับผลการเลือกตั้งดูเหมือนว่าจะล็อกไปทางนายเฉลิมชัย ยังมีความหวังว่า สส.จะเลือกนางสาววทันยาหรือไม่ว่า อย่างที่บอกวันที่ตัดสินใจเพราะตนศรัทธาในวิถีแห่งอุดมการณ์แบบนี้ เพราะเรามีความฝันว่าอยากทำการเมืองแบบนี้ ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะลงมือทำ ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะว่าไปต่อรองผลประโยชน์ใดใด ไม่ได้ตัดสินใจบนผลการคำนวณการแพ้ชนะเลือกตั้งมาเป็นตัวตั้ง จึงเป็นเหตุผลว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอยืนยันจุดยืนตัวเอง คือขอทำตามความฝัน และจะขอสู้จนถึงที่สุด
ส่วนที่เขาบอกกันว่านายเฉลิมชัยดูแลกันมา 4 ปี เป็นปัจจัยทำให้ต้องเลือกเป็นหัวหน้าพรรคนั้น นางสาววทันยา ระบุว่า ก็ต้องเป็นการตัดสินใจของสมาชิกพรรคทุกคน ตนเคารพในเสรีภาพและความเห็นที่แตกต่าง จุดนี้ตนคงไม่สามารถตอบแทนสมาชิกคนอื่นๆได้ แต่ตนเห็นว่าอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์นั้น เราจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ เพื่อไปดักรอการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของโลกความท้าทาย และอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครทุกคน ไม่ได้อยู่ในมือใคร นอกจากมือของตัวเอง ที่จะต้องเป็นคนตัดสินใจ
ทั้งนี้ หากผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคพรุ่งนี้ ( 9 ธ.ค. ) ดูไม่มีความหวัง จะยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปหรือไม่นั้น นางสาววทันยา กล่าวว่า ตนจะขอกลับมาประเมิน เพราะเหตุผลที่ตนเข้ามาทำงานในพรรค เรามีประชาชนเป็นเจ้าของ ไม่มีเจ้าของที่มาคอยกดปุ่มชี้นิ้วสั่ง
นางสาววทันยา ย้ำด้วยว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ขอฝากบอกไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ที่หลายคนบอกว่าตนเองเป็นเลือดใหม่ เข้ามาทำงานกับพรรคเพียงปีเศษๆ
วันนี้ในฐานะคนคนหนึ่งที่เป็นเลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังเชื่อในวิถีอุดมการณ์ และการเริ่มต้นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกจึงขอให้เพื่อนสมาชิก ได้เปิดโอกาสให้ตนเองได้เข้าไปแข่งขันต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ในการผ่านมติโหวต 3 ใน 4 ยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรค
ซึ่งมองว่าไม่ใช่เป็นการให้โอกาสของตนเองเท่านั้น แต่เป็นการให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะหากจะฟื้นฟูพรรคต้องเริ่มจากการเลิกที่จะเลือกจากความสัมพันธ์ เลิกระบบอุปถัมภ์ ต้องเลือกที่คุณสมบัติและความสามารถ เพื่อไม่ให้นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้ง และความไม่เข้าใจกันในพรรค สุดท้ายจะทำให้พรรคสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง