SHORT CUT
ผู้ประกอบการไทย เร่งดัน “ทุเรียนไทย” ” สู่ Soft Power หนีคู่แข่งเวียดนาม ที่ตามไทยมาติดๆ แถมมีนักธุรกิจไทยบางส่วนย้อมแมวนำเข้าเวียดนามมาสวมสิทธิ์ส่งไปจีน
ทุเรียน คือ ราชาแห่งผลไม้ไทย ที่ใครหลายคนชื่นชอบมากๆ นอกจากคนไทยที่ชื่นชอบแล้ว ต่างชาติอย่างจีนก็ชื่นชอบทุเรียนไทยมากๆ จึงไม่แปลกที่ไทยจะส่งออกทุเรียนไปจีนได้ปีหนึ่งมหาศาล ทำให้ทุเรียนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยล่าสุด นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อํานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ทุเรียนเป็นสินค้าที่ไทยพึ่งพาตลาดส่งออกถึง 75% ขณะที่บริโภคภายในประเทศเพียง 25%
ทั้งนี้ในปี 2567 เฉพาะทุเรียนมีมูลค่าการส่งออกรวม 4,404 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 157,506 ล้านบาท แบ่งเป็น ทุเรียนสด 3,755.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า 134,852 ล้านบาทและ ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง 649.2 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า 22,654 ล้านบาท ส่วนในปี 2568 ช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค. – ก.พ.) ไทยมีมูลค่าส่งออกรวม 128.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ4,374 ล้านบาท ปริมาณ 24,365 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.87
นายธวัชชัย จุงสุพงษ์ เจ้าของ Toby’s Farm กล่าวว่า ปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับปัญหาถูกทุเรียนจากเวียดนามตีตลาดอย่างหนัก และส่งออกไปจีนแข่งกับไทยดุเดือด ที่สำคัญต้นทุนการผลิตทุเรียนเวียดนามต่ำกว่าไทย และการขนส่งที่ใกล้จีนกว่าไทยจึงทำให้ได้เปรียบ นอกจากนี้ยังพบปัญหามีนักธุรกิจไทยบางกลุ่มแอบนำเข้าทุเรียนจากเวียดนามที่ราคาถูกกว่ามายังไทย และนำมาสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทยส่งออกไปจีน เรื่องนี้ทำให้ชาวสวนทุเรียนไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักในขณะนี้
ทั้งนี้หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เร่งแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้จะทำให้เสียเปรียบเวียดนามอย่างมาก และแข่งขันในตลาดจีนไม่ได้ โดยปี 2567 ที่ผ่านมาไทยส่งออกทุเรียนไปจีนประมาณ 1 ล้านตัน มูลค่าส่งออกกว่า 1.4 แสนล้านบาท ส่วนเวียดนามส่งออกทุเรียนไปจีนประมาณ 8 แสนตัน ในปี2567 แนวโน้มในอนาคตมีโอกาสแซงไทยได้สูงมาก อย่างไรก็ตามปัจจุบันพื้นที่ปลูกทุเรียนไทย 54% อยู่ภาคตะวันออก 40% ภาคใต้ อี4% ภาคอีสาน และ 2% อยู่ภาคเหนือ
จากการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดจีน และถูกนักธุรกิจลักลอบนำเข้าทุเรียนเวียดนามมาสวมสิทธิ์ทุเรียนไทยแล้วส่งออกไปจีน จึงทำให้ไทยต้องเร่งผลักดันทุเรียนให้ให้กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ หากต่างชาติอยากรับประทานทุเรียนต้องนึกถึงทุเรียนไทยเท่านั้น ล่าสุด โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ร่วมกับ สวนทุเรียนพรีเมียม “Toby’s Farm” เปิดแคมเปญสำคัญ Durian Decadent Afternoon Tea ขานรับ Gastronomy Tourism รับช่วงไฮซีซั่น
ทั้งนี้จะเป็นการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ชื่อดังอย่าง “ทุเรียนหมอนทอง” เดินหน้าจับมือ Toby’s Farm สวนทุเรียนคุณภาพระดับพรีเมียมจากจังหวัดจันทบุรี เปิดตัวแคมเปญสำคัญรับช่วงไฮซีซั่นหน้าร้อน กับ “Durian Decadent Afternoon Tea” หยิบ “ราชาผลไม้ไทย” มาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูพิเศษสำหรับเซตน้ำชายามบ่ายในโรงแรมระดับ 5 ดาว มุ่งสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวและการเข้าพักที่น่าจดจำในทุกมิติ ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอวัฒนธรรมทางอาหารที่แปลกใหม่ ร่วมสมัย
และตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และหาได้เฉพาะที่จุดหมายปลายทางนั้น ๆ โดย “ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท” หวังร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลับมาบูมสุดขีด พร้อมสนับสนุนการนำวัตถุดิบท้องถิ่นอันล้ำค่าของเมืองไทยอย่าง “ทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียม” มาให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ลิ้มลองในรูปแบบใหม่กับเซต Afternoon Tea เพื่อยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทย พร้อมปรับให้เข้ากับบริบทสากลอย่างแท้จริง
สำหรับอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ธุรกิจโรงแรมที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าราว 9.0-9.6 แสนล้านบาทในปี 2567-2568 อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด โดยครึ่งแรกของปี 2567 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 17.5 ล้านคน หรือ 88% ของระดับปี 2562 ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างและโดดเด่น โดยเฉพาะการใช้แคมเปญเชิงวัฒนธรรมและอาหาร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง
ส่วนการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยวโลก และ “ประเทศไทย” ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากวัฒนธรรมทางอาหาร ก็กำลังได้รับความนิยมในฐานะประเทศต้องห้ามพลาดของนักชิมทั่วโลก โดย Credence Research บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยจะเติบโตจาก 32,489.66 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 เป็น 80,730.95 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 12.05%
นอกจากนี้ ยังพบว่า 53% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเมืองท่องเที่ยวจากอาหารและเครื่องดื่มที่อยากลิ้มลอง ด้วยเหตุนี้ ทำให้โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่างไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ผนึกกำลังกับสวนคุณภาพในท้องถิ่นเพื่อนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อรองรับนักชิมจากทั่วโลก
ด้าน มร.แซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เผยว่า "แคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea เกิดจากความตั้งใจที่จะผสมผสาน ‘ความเป็นไทย’ และ ‘ความเป็นสากล’ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อนำเสนอทุเรียน ซอฟต์พาวเวอร์เมืองไทย ในรูปแบบที่สดใหม่ ผ่านความประณีตของเมนูระดับ 5 ดาว ปีที่แล้วแคมเปญนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง และไต้หวัน เราจึงร่วมมือกับ Toby's Farm เป็นปีที่สอง คัดสรรเฉพาะทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียม
“ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมยกระดับภาคการท่องเที่ยวและการเกษตรไทย สำหรับ Durian Decadent Afternoon Tea ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ นับว่าเป็นมากกว่าแคมเปญประจำฤดูกาล แต่เรามองว่าแคมเปญพิเศษนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เป็นจุดหมายปลายทางที่นักชิมชาวไทยและทั่วโลกปักหมุดว่าต้องห้ามพลาดในช่วงหน้าร้อน”
โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เสิร์ฟเซต Durian Decadent Afternoon Tea ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 ในราคา: 800++ บาทต่อท่าน และ 1,500++ บาทสำหรับ 2 ท่าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง