จากบ้านพักหรูสู่พาสปอร์ตทองคำ แนวโน้มใหม่ของคนรวยที่ใช้สัญชาติเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยง แต่ทำให้มิจฉาชีพ นักฟอกเงิน เข้าประเทศ !
ในปี 2025 ขณะที่คนจนก็จนเหมือนเดิม คนรวยยิ่งรวยขึ้น แนวโน้มการลงทุนใหม่ในหมู่มหาเศรษฐีก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาไม่ได้แค่สะสมทรัพย์สินหรือบ้านพักตากอากาศทั่วโลกอีกต่อไป แต่เริ่มหันมา "สะสมสัญชาติ" ที่เป็นดั่งการลงทุนเพื่อความมั่นคงและอิสรภาพในการใช้ชีวิตในยุคที่ความไม่แน่นอนกลายเป็นเรื่องปกติ
การมีสัญชาติที่สอง สาม หรือแม้กระทั่งสี่ ไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่น แต่เป็นการวางแผนเพื่อความยืดหยุ่นในชีวิตและธุรกิจ ข้อมูลจากบริษัท Henley & Partners ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาด้านสัญชาติและการอยู่อาศัย เปิดเผยว่าชาวอเมริกันเป็นกลุ่มที่ขอสัญชาติอื่นมากที่สุด
ตัวอย่างเช่น ปีเตอร์ ธีล (Peter Thiel) นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชาวอเมริกา ได้รับสัญชาตินิวซีแลนด์ และเอริก ชมิดต์ (Eric Schmidt) อดีตซีอีโอของ Google ชาวอเมริกา ได้ขอสัญชาติไซปรัส นอกจากนี้ ประเทศที่ได้รับความนิยมในการขอสัญชาติ ได้แก่ โปรตุเกส มอลตา กรีซ และอิตาลี ซึ่งมีโปรแกรมที่ให้สิทธิ์ในการอยู่อาศัยและขอสัญชาติแลกกับการลงทุน
โดมินิก โจนส์ (Dominic Jones) หัวหน้าบริษัท Pastures New Zealand ซึ่งทำโปรแกรมพำนักถาวรในนิวซีแลนด์มูลค่า 2.8 ล้านดอลลาร์แก่กลุ่มนักลงทุนผู้มั่งคั่ง กล่าวว่า “คุณอาจเลือกโตโยต้าด้วยเหตุผลบางอย่าง หรือเลือกเมอร์เซเดสด้วยเหตุผลอีกแบบ แต่ละประเทศก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป และบางครังคนก็ขอสัญชาติใหม่เพื่อหาตัวเลือกจ่ายภาษีที่สะดวกกว่าอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น การมีสัญชาติหลายประเทศช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจในประเทศที่มีความขัดแย้งหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง นอกจากนี้ ยังช่วยในการทำธุรกรรมทางการเงินข้ามประเทศได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน การมีสัญชาติที่สองหรือมากกว่านั้นกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงและความยืดหยุ่นในชีวิตและธุรกิจของตน
ทว่ากระแสนี้ก็มีเรื่องน่าเป็นห่วงตามมา เพราะมีรายงานว่าโปรแกรมเหล่านี้ดึงดูดพวกมิจฉาชีพ นักฟอกเงิน และคนที่มีเบื้องหลังไม่ดีจากต่างประเทศเข้ามา อย่างไรก็ตาม โปรแกรมยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะในหมู่ชาวเอเชียและชาวลาตินอเมริกาที่ต้องการหนีจากรัฐบาลที่ไม่มั่นคงหรือมีแนวคิดฝั่งซ้ายในประเทศบ้านเกิด
ที่มา : nypost
ข่าวที่เกี่ยวข้อง