สหรัฐฯ มีวันนี้เพราะพี่ฝรั่งเศสให้ ช่วยรบกับอังกฤษจนหมดตัว

สหรัฐอเมริกาถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและประชาธิปไตยของโลก แต่กว่าที่ประเทศนี้จะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ พวกเขาต้องผ่านความท้าทายและการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ โดยเฉพาะในช่วง สงครามปฏิวัติอเมริกา (American Revolution, 1775-1783) ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อเมริกาสามารถแยกตัวจากจักรวรรดิอังกฤษได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากการต่อสู้เพียงลำพัง หากแต่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่สำคัญอย่าง ฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสช่วยสหรัฐฯ รบอังกฤษ!

ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม อาณานิคมทั้ง 13 แห่งยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมหาอำนาจอย่างอังกฤษ กองทัพของพวกเขายังขาดแคลนทรัพยากรและกำลังพลที่มีประสบการณ์ ในทางกลับกันกองทัพอังกฤษมีประสบการณ์รบมากมาย แถมกองก็แข็งแกร่งจนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก จึงเป็นเหมือนมวยคนละชั้น

แต่เมื่อฝรั่งเศสบื่นมือเข้ามาช่วย ให้เงินทุนจำนวนมหาศาลแก่ฝ่ายอเมริกัน เพื่อใช้ในการซื้ออาวุธและสนับสนุนกองทัพ งนายพลและที่ปรึกษาทางทหาร เช่น มาร์กีส์ เดอ ลาฟาแยตต์ (Marquis de Lafayette) มาฝึกและสนับสนุนกองทัพอเมริกัน แถมกองทัพเรือฝรั่งเศสยังช่วยสกัดกั้นกองเรืออังกฤษ และช่วยปิดล้อมกองทัพอังกฤษในยุทธการยอร์กทาวน์ (Battle of Yorktown) ซึ่งนำไปสู่ชัยชนะของอเมริกาในปี 1781

ฝรั่งเศสอุ้มคนอื่นจนถังแตก!

การสนับสนุนเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญให้อเมริกาสามารถพลิกสถานการณ์และเอาชนะอังกฤษได้สำเร็จ และประกาศอิสรภาพได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสต้องแบกรับภาระทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการทำสงครามทำให้รัฐบาลฝรั่งเศสต้องกู้เงินเพิ่มขึ้น จนกระทั่งประเทศเข้าสู่ภาวะขาดดุลทางการคลัง สถานการณ์นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่ การปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution) ในปี 1789

เทพีเสรีภาพ สหรัฐฯ และ ฝรั่งเศส ยึดมั่นร่วมกัน 

เรียกได้ว่า “อเมริกามีวันนี้ เพราะฝรั่งเศสช่วย” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะหากไม่มีการสนับสนุนด้านการเงิน กำลังพล และกองทัพเรือจากฝรั่งเศส สหรัฐฯ อาจไม่สามารถเอาชนะอังกฤษได้ในสงครามปฏิวัติ และหากอเมริกาแพ้สงคราม นั่นอาจหมายความว่าอาณานิคมทั้ง 13 แห่งจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษต่อไป การเกิดขึ้นของสหรัฐอเมริกาในฐานะรัฐเอกราชอาจถูกเลื่อนออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อแนวคิดเรื่องเสรีภาพและประชาธิปไตยในโลกตะวันตกอย่างมหาศาล

ในอีกด้านหนึ่ง หากฝรั่งเศสไม่เข้ามาช่วยเหลือ พวกเขาอาจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินมหาศาล ซึ่งนำไปสู่ การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 ดังนั้น การช่วยเหลืออเมริกาไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสเองอีกด้วย

แม้ฝรั่งเศสจะประสบปัญหาจนถังแตก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็ยังคงแน่นแฟ้นเรื่อยมา หนึ่งในสัญลักษณ์ที่แสดงถึงมิตรภาพนี้คือ เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty) ซึ่งฝรั่งเศสมอบให้แก่สหรัฐอเมริกาในปี 1886 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 100 ปีของการประกาศอิสรภาพ และเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพที่ทั้งสองประเทศยึดมั่นร่วมกัน

ความสัมพันธ์สหรัฐ-ฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนไป !!

ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับความตึงเครียด หลังจาก ราฟาเอล กลัคส์มันน์ สมาชิกรัฐสภายุโรปจากฝรั่งเศส เรียกร้องให้สหรัฐฯ คืน เทพีเสรีภาพ โดยมีเหตุผลว่า สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้ยึดมั่นในคุณค่าของเสรีภาพที่อนุสาวรีย์นี้เป็นสัญลักษณ์อีกต่อไป!

แน่นอนว่าทางด้านสหรัฐฯ แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ตอบโต้ว่า "แน่นอนว่าไม่ เราขอแนะนำให้นักการเมืองฝรั่งเศสระดับล่างที่ไม่เปิดเผยนามนั้นจำไว้ว่า หากไม่มีสหรัฐอเมริกา ชาวฝรั่งเศสอาจพูดภาษาเยอรมันอยู่ในขณะนี้" ซึ่งเป็นการอ้างถึงความร่วมมือในสงครามโลกครั้งที่ 2

เรียกได้ว่า ทั้ง 2 ประเทศ ต่างมีบุญคุณต่อกัน แต่เหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า ในสายตาของฝรั่งเศส สหรัฐฯไม่ใช่ประเทศแห่งเสรีภาพตามจุดประสงค์ที่ก่อตั้งประเทศมาตั้งแต่แรกอีกแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• สหรัฐฯ ปี 2025 ตกต่ำจนถูกเกาหลีเหนือยึดครองในโลกวิดีโอเกม 
• สหรัฐฯ ยุติให้บริการข้อมูลมลพิษทางอากาศทั่วโลก อ้างลดรายจ่าย 
• ย้อนปมเหตุสงครามโลก หลัง 'ทรัมป์' จวกยูเครน เสี่ยงเดิมพันสงครามโลกครั้งที่ 3