svasdssvasds

รู้จัก SLAPP การฟ้องปิดปากคนด้วยคดีความของผู้มีอำนาจ

รู้จัก SLAPP การฟ้องปิดปากคนด้วยคดีความของผู้มีอำนาจ

รู้จัก SLAPP การฟ้องปิดปากคนด้วยคดีความของผู้มีอำนาจ วิธีหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อปิดปากผู้ที่ตั้งคำถาม ต่อต้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ เป้าหมายเพื่อให้ "หยุดพูด"

SHORT CUT

  • รู้จัก SLAPP การใช้กฎหมายฟ้องปิดปากคืออะไร? ใครมักใช้ และใช้กับใคร?
  • เป้าหมายของการฟ้อง SLAPP ไม่ใช่การชนะคดี แต่ฟ้องเพื่อให้ผู้พูด "หยุดพูด" เสียมากกว่า
  • เกิดกรณีศึกษาที่น่าสนใจทั้งในไทยและต่างประเทศ ผู้ที่ถูกฟ้อง SLAPP มันเป็นภาคประชาสังคม นักข่าว หรือชาวบ้าน ที่ออกมาเปิดโปงข้อมูลของผู้มีอำนาจ

รู้จัก SLAPP การฟ้องปิดปากคนด้วยคดีความของผู้มีอำนาจ วิธีหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อปิดปากผู้ที่ตั้งคำถาม ต่อต้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ เป้าหมายเพื่อให้ "หยุดพูด"

ในโลกที่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นรากฐานสำคัญของประชาธิปไตย มีวิธีหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อปิดปากผู้ที่ตั้งคำถาม ต่อต้าน หรือวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจ นั่นคือ "SLAPP" (Strategic Lawsuit Against Public Participation) หรือการใช้คดีความเป็นเครื่องมือกดดันให้คนหยุดพูด แม้ว่า SLAPP จะไม่ได้มุ่งหวังให้ผู้ฟ้องชนะคดี แต่เป้าหมายหลักคือทำให้จำเลยหมดแรง หมดทรัพยากร และเกิดความกลัวจนยอมเงียบเสียงไปเอง

 

SLAPP คืออะไร?

SLAPP คือคดีความที่มีเป้าหมายเพื่อข่มขู่หรือทำให้ประชาชนที่ใช้สิทธิ์แสดงความคิดเห็นต้องหยุดการกระทำของตนเอง มักถูกใช้กับนักข่าว นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปที่ออกมาเปิดโปงการกระทำผิดของผู้มีอำนาจหรือมีเงิน โดยคดีที่ใช้มักเป็น หมิ่นประมาท, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, คดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย เป็นต้น

SLAPP ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้ฝ่ายผู้ฟ้อง(โจทก์) ชนะคดีเสมอไป แต่ต้องการให้จำเลยต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาจำนวนมากในการต่อสู้คดี จนท้ายที่สุดต้องยอมถอยเพราะความเหนื่อยล้าและภาระทางการเงิน
 

SLAPP ทำงานโดยใช้ระบบกฎหมายเป็นอาวุธในการกดดัน

 

  1. การฟ้องร้องโดยใช้ข้อกล่าวหาที่กำกวมหรือเกินจริง โดยผู้ฟ้องอาจกล่าวหาว่าผู้ถูกฟ้องทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง แม้จะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตก็ตาม หรือการใช้กฎหมายที่สามารถตีความกว้าง เช่น หมิ่นประมาท หรือ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์
  2. การใช้กระบวนการศาลให้เป็นภาระต่อจำเลย เช่น การลากคดีให้ยาวนานเพื่อทำให้จำเลยหมดกำลังใจและเสียค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือการขอให้ศาลออกคำสั่งให้จำเลยต้องระงับการแสดงความคิดเห็นทันที
  3. การใช้คดีเป็นตัวอย่างข่มขู่อื่นๆ เมื่อนักข่าวหรือประชาชนรายหนึ่งถูกฟ้อง คนอื่นๆ อาจหวาดกลัวและหลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นเดียวกัน จนทำให้เกิดการสร้างบรรยากาศที่ทำให้สังคมเซ็นเซอร์ตัวเอง (self-censorship)

กรณีศึกษาที่เคยเกิดขี้นแล้วทั้งในไทยและต่างประเทศ

 

  •  ปี 2534 บริษัทฟาสต์ฟู้ตใหญ่ของโลก ฟ้องมูลนิธิ Greenpeace ประเทศอังกฤษ หลังถูกกล่าวหาว่าทำลายป่าและขายอาหารขยะ ทำลายสุขภาพ
  • ในประเทศอินโดนีเซีย มีนักข่าวสิ่งแวดล้อมหลายคนตกเป็นเป้าหมายถูกฟ้องหลายคดีจากบริษัทที่มีส่วนในการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อเปลี่ยนเป็นสวนปาล์มน้ำมัน และบริษัททำเหมืองถ่านหิน
  • ปี 2558 เอกชนฟ้องนักข่าว ThaiPBS เยาวชนในพื้นที่ และสำนักข่าว หลังรายงานข่าวผลกระทบการทำเหมืองแร่ทองคำในอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย 
  • ปี 2560 บริษัทน้ำตาล ฟ้องชาวบ้านกลุ่มรักษ์น้ำอูน จังหวัดสกลนคร ที่ออกมาคัดค้านการสร้างโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล ด้วยข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
  • ปี 2566 ดร.เพชร มโนปวิตร เลขาธิการมูลนิธิโลกสีเขียว ถูกบริษัทจำหน่ายอาหารสัตว์ยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท หลังออกมาเปิดโปงการนำปลาฉลามวัยอ่อนมาแปรรูปเป็นอาหารสัตว์


แนวทางป้องกัน SLAPP

ในหลายประเทศทั่วโลกได้ผลักดันกฎหมายต่อต้านSLAPP เช่น สหรัฐฯ และแคนาดา ที่ให้สิทธิ์ผู้ถูกฟ้องสามารถขอให้ศาลยกฟ้องได้ทันทีหากพบว่าเป็นคดี SLAPP โดยประชาชนควรสนับสนุนสื่อมวลชนและนักเคลื่อนไหวที่ออกมาเปิดโปงข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของสาธารณะ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนและกฎหมายควรให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายกับผู้ที่ถูกฟ้องด้วย SLAPP รวมถึงการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในคดีความ ช่วยสร้างความตระหนักรู้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ SLAPP เพื่อให้ประชาชนรู้ทันและไม่หวาดกลัว ไปถึงการสร้างเครือข่ายการสนับสนุนสำหรับผู้ที่ถูกฟ้อง


SLAPP จึงไม่ใช่ปัญหาของแค่สื่อมวลชนหรือนักเคลื่อนไหว แต่มันเป็นปัญหาของ "ทุกคนในสังคม"

 

เพราะมันบ่อนทำลายหลักการของประชาธิปไตยและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การตระหนักรู้และการปกป้องสิทธิ์ของตัวเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

"เมื่อเสรีภาพในการพูดถูกทำให้เป็นอาชญากรรม ประชาธิปไตยก็ไม่อาจคงอยู่ได้"

related