SHORT CUT
มะเร็งร้ายกัดกินบอลไทย ฉุดรั้งความก้าวหน้าของฟุตบอลไทย ที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลก
นานมาแล้วนานเสียจนจำความไม่ได้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เราได้ชื่นชมฟุตบอลไทยอย่างแท้จริงนั้นคือเมื่อใด ทุกครั้งที่ความหวังเริ่มผลิบาน ก็มักจะมีอะไรบางอย่างมากระทบให้ร่วงโรยเสียก่อน ราวกับมี "มือที่มองไม่เห็น" คอยควบคุมผลลัพธ์อยู่เบื้องหลังและเมื่อมองลึกลงไปในเงามืดนั้น เราอาจพบคำตอบที่น่าขมขื่นว่า เหตุใดฟุตบอลไทยของเราจึงวนเวียนอยู่กับที่ ไม่สามารถก้าวข้าม "กำแพงคอร์รัปชัน" ที่สูงตระหง่านนี้ไปได้เสียที
ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2557 หรือเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว หน่วยงานอย่าง สปอร์ตเรดาห์ ก็ได้เริ่มส่งสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติในวงการกีฬาไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการ "ล้มบอล" พวกเขาได้ให้ความรู้และร่วมมือกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในการตรวจสอบการทุจริตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 มีการเปิดเผยตัวเลขที่น่าตกใจว่า เงินหมุนเวียนในการพนันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกสูงถึง 52 ล้านบาทต่อการแข่งขัน ทั้งที่ประเทศไทยเองก็มีกฎหมายอย่าง พระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 บังคับใช้อยู่แล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ดูเหมือนว่ากฎหมายนั้นอาจจะยัง "ศักดิ์สิทธิ์" ไม่พอที่จะหยุดยั้งขบวนการเหล่านี้ได้
กระทั่งเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็ได้จับมือกับ สปอร์ตเรดาห์ และ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) เพื่อตรวจสอบความผิดปกติในการแข่งขันทุกระดับ คุณเบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับ ไลเซนซิ่ง ของไทยลีก ออกมาประกาศว่าจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในช่วงท้ายฤดูกาล ราวกับว่าการทุจริตจะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงอื่นของฤดูกาลเท่านั้น
ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน สปอร์ตเรดาห์ ก็ได้ทำรายงานพร้อมรายชื่อนักฟุตบอลระดับไทยลีกที่พัวพันกับการล้มบอล โดยสังเกตจากพฤติกรรมในสนามและวิดีโอการแข่งขัน มีการส่งเรื่องไปยังสมาคมฯ เพื่อดำเนินการลงโทษให้ทันก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่ม
ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ก็มีการแถลงข่าวใหญ่โตถึงการจับกุมขบวนการล้มบอล โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้น 12 คน และยังมีการเปิดเผยว่ามี บุคคลในสภากรรมการของสมาคมฯ ชุดเก่า มีส่วนรู้เห็นด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า ปัญหาการทุจริตนั้นฝังรากลึกเสียจนน่าใจหาย
นอกจากนักเตะแล้ว ยังมี ผู้ตัดสิน ที่ถูกผู้บริหารสมาคมฯ ในอดีตข่มขู่ หากไม่ทำตามคำสั่งก็จะถูกกีดกันไม่ให้เข้ารับการอบรมในระดับนานาชาติ หรือไม่ได้รับเงินค่าปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ผู้ตัดสินบางส่วนตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการล้มบอล ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การให้ใบเหลือง-ใบแดงที่ไม่สมเหตุสมผล หรือการให้จุดโทษในจังหวะที่น่ากังขา วงการฟุตบอลไทยช่าง "ใสสะอาด" เสียจริง
รายชื่อผู้กระทำผิดชุดแรกที่ถูกเปิดเผยมีทั้งนักฟุตบอลจาก ราชนาวี และ นครราชสีมา, ผู้ตัดสินระดับฟีฟ่า, ผู้ช่วยผู้ตัดสิน, ผู้อำนวยการสโมสรศรีสะเกษ, และกลุ่มนายทุน ปฏิกิริยาของสมาคมฯ คือการสั่งห้ามผู้เกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด ส่วนสโมสรราชนาวีที่มีนักเตะเกี่ยวข้องมากที่สุดถึง 4 คน ก็ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และหากพบว่าผิดจริงก็จะลงโทษทางวินัยทหารขั้นเด็ดขาด ขณะที่สโมสรนครราชสีมายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเตรียมยกเลิกสัญญานักเตะที่เกี่ยวข้อง สโมสรศรีสะเกษเองก็ออกมาแถลงว่าผู้บริหารที่ผิดได้ซัดทอดไปถึงนักฟุตบอลในทีม
อ้างอิง