svasdssvasds

บอร์ด DSI เอาผิดเฉพาะฐานฟอกเงินในการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

บอร์ด DSI เอาผิดเฉพาะฐานฟอกเงินในการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ

คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติ 11:4 รับคดีเลือก ส.ว. เป็นคดีพิเศษ ชี้เข้าข่ายฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ อยู่แล้ว

SHORT CUT

  • คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติเห็นชอบ 11 เสียง จาก 18 เสียง ให้รับคดีอาญาสมคบกันในฐานความผิดฟอกเงิน แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ไว้เป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
  •  ความผิดฐานฟอกเงินถือเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ อยู่แล้ว เป็นอำนาจของอธิบดีดีเอสไอ
  • ภูมิธรรม ย้ำ ไม่ก้าวก่ายอำนาจของ กกต. และพร้อมดำเนินคดีอาญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

คณะกรรมการคดีพิเศษ มีมติ 11:4 รับคดีเลือก ส.ว. เป็นคดีพิเศษ ชี้เข้าข่ายฟอกเงิน ซึ่งเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ อยู่แล้ว

จากกรณีการประชุมบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2568 วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการพิจารณาเพื่อมีมติให้คดีความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ โดยที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสืบสวนที่ 151/2567 กรณี การคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 (ฐานอั้งยี่) ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (3) และความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

 

โดยมติที่ประชุมครั้งที่ 3/2568 วันที่ 6 มี.ค. คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)  ได้พิจารณาว่า กรณีนี้เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น

เนื่องด้วยพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องนี้เป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

หรือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3) มาตรา 209 (อั้งยี่)

หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 107 พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 77 (1)

หรือความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542  

จากการพิจารณาของบอร์ด กคพ. ได้ข้อสรุปชี้ขาด 11 เสียง จากทั้งหมด 18 เสียง ว่า ให้รับคดีอาญาสมคบกันในฐานความผิดฟอกเงิน แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ไว้เป็นคดีพิเศษตาม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547

 

โดยพบว่ามีกรรมการไม่เห็นชอบ 4 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง ทั้งนี้ ความผิดฐานฟอกเงินถือเป็นความผิดตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ อยู่แล้ว

ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้มี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานกรรมการ และกรรมการโดยตำแหน่ง 12 (ขาดประชุม 1 ตำแหน่ง คือ ผบ.ตร.)

รวมถึงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ อีก 7 ราย (ขาดประชุม 2 คน คือ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสอบสวนคดีอาญา และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)

ทำให้มีกรรมการเข้าร่วมประชุมเพียง 19 ราย จากทั้งหมด 22 ราย

related