เศรษฐกิจไทยปี 2567 โต 2.5% รั้งท้ายอาเซียน ปี 2568 คาดขยายตัว 2.8% แต่ยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ตัวเลขอาจไม่สดใสอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ เมื่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานว่า GDP ของไทยในปี 2567 เติบโตที่ 2.5% และคาดการณ์ว่าปี 2568 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.8% ซึ่งแม้ว่าจะเป็นสัญญาณบวก แต่เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ตัวเลขนี้กลับดูค่อนข้างน่าเป็นห่วง
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยโต 2.5% แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามขยายตัวถึง 6.4% ในปี 2567 และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.6% ส่วนฟิลิปปินส์เติบโตที่ 6.0% และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.2% หมายความว่า ทั้งสองประเทศกำลังโตในอัตราที่เกือบจะเป็น 2 เท่าของไทย
โดยกัมพูชายังมีอัตราเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 6.0% ในทั้งปี 2567 และ 2568 ส่วนมาเลเซียขยายตัว 5.0% ในปี 2567 และคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเป็น 4.6% ในปีหน้า ขณะที่ สปป.ลาว โต 4.5% และลดลงเล็กน้อยเป็น 4.3% ส่วนเมียนมามีการเติบโตต่ำสุดในกลุ่มที่ 2.3% ในปี 2567 และคาดว่าจะลดลงเหลือ 2.2% ในปี 2568
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นคือ การลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงลดลง โดยปี 2567 หดตัว 1.6% แม้ว่าภาครัฐจะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนที่ขยายตัวถึง 4.8% และการใช้จ่ายภาครัฐที่เติบโต 2.5% ก็ตาม
ในทางกลับกัน ประเทศอย่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคการผลิตและเทคโนโลยีที่ดึงดูดบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกเข้ามาตั้งฐานการผลิต เวียดนามได้รับ FDI มูลค่ากว่า 369,792 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยมากกว่า 60% ของการลงทุนดังกล่าวมุ่งไปยังภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์
ขณะที่ฟิลิปปินส์เร่งส่งเสริมแผนดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (FIPMP) และสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้ถึง 485.87 พันล้านเปโซในช่วงสามไตรมาสแรกของปี 2567 ทำให้ทั้งสองประเทศกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่มองหาโอกาสขยายฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน
แม้ว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2567 จะขยายตัว 5.8% ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่ก็ยังน้อยกว่าการเติบโตของเวียดนามที่อุตสาหกรรมการผลิตเพื่อส่งออกกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การส่งออกของไทยในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตเพียง 3.5% ลดลงจากปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดโลกที่ยังคงไม่แน่นอน
แม้ว่าตัวเลข GDP ไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง แต่เมื่อมองในบริบทของภูมิภาค จะเห็นได้ว่าประเทศอื่นๆ กำลังวิ่งแซงหน้าไปอย่างรวดเร็ว การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ การเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และการผลักดันนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจไทยอาจเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้เศรษฐกิจไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก
ปี 68 อาจเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ว่าจะสามารถไล่ตามเพื่อนบ้านได้ทันหรือจะยังคงเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง