svasdssvasds

คุก “สมรักษ์ คำสิงห์” 2 ปี ชดใช้ 1.7 แสน คดีพรากผู้เยาว์เด็ก 17 ปี

คุก “สมรักษ์ คำสิงห์” 2 ปี ชดใช้ 1.7 แสน คดีพรากผู้เยาว์เด็ก 17 ปี

ศาลพิพากษา จำคุก ‘สมรักษ์ คำสิงห์' 2 ปี 13 เดือน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

วันที่ 23 ม.ค. 2568 ที่ศาล จ.ขอนแก่น นายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก พร้อมด้วยนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา หรือเป๊กโก้ ชาว ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น น้องคนสนิทของสมรักษ์ ที่เป็นคนขับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์มารับ สมรักษ์ และ น.ส.เอ อายุ 17 ปี จากสถานบันเทิงพาไปส่งที่โรงแรมในเมืองขอนแก่น กระทั่งกลายเป็นคดีความกันขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2567 ที่ผ่านมา

เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามหมายนัดของศาล โดยศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพทำข่าวภายในบริเวณศาลแต่อย่างใด และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปร่วมรับฟังคำะิพากษาภายในห้องพิจารณาคดีของศาลโดยเด็ดขาด

4 ข้อหา ของสมรักษ์ คำสิงห์ ประกอบด้วย

  1. ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองตาม ป.อาญามาตรา 318
  2. ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปีแต่ยังไม่เกิน 18 ปีไปเพื่อการอนาจารตามป. อาญา มาตรา 283
  3. กระทำอนาจารแก่คนอายุเกิน 15 ปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อาญามาตรา 278
  4. พยายามข่มขืนผู้อื่นใช้กำลังประทุษร้ายตาม ตามป.อาญามาตรา 76 และมาตรา 80

ส่วนนายพิเชษฐ์ ชิเนหันทา ชาว ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น คนสนิทที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่พานายสมรักษ์ กับ น.ส.เอ อายุ 17 ปี จากสถานบริการไปที่โรงแรม ถูกสั่งฟ้องรวม 2 ข้อหาคือ ข้อหา ร่วมกันพรากผู้เยาว์ และ ข้อหา ร่วมกันพาบุคคลอื่นไปทำอนาจาร

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า ผู้เสียหายเบิกความตามข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเบิกความเชื่อมโยงกัน หากไม่ประสบเหตุจริง ที่เป็นเรื่องน่าอับอาย เชื่อว่า ไม่มีจริตเสแสร้ง เอาความเท็จมาแจ้ง ซึ่งอาจถูกดำเนินการเอาผิดในภายหลัง 

ข้อต่อสู้จำเลยว่า ผู้เสียหายยินยอม ขัดกับคำเบิกความ พยานแวดล้อม รวมทั้งบาดแผลย่อมไม่เกิดขึ้น หากผู้เสียหายยินยอม การที่ผู้เสียหายเดินตามไป ไม่ได้หมายความว่า จะยินยอมมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีการพูดถึงการค้าประเวณี การนำสืบยังไม่พบว่า มีการเรียกรับผลประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง และหักล้างพยานโจทก์ได้

พิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี ตั้งแต่กระทำละเมิด ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

สำหรับความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ 

ขณะเกิดเหตุผู้เสียหายที่ 1 เบิกความถึงพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อผู้เสียหายที่ 1 ในห้องพักที่เกิดเหตุได้เป็นลำดับขั้นตอน เป็นเรื่องยากที่ผู้ซึ่งมิได้ประสบเหตุการณ์มาก่อนจะเบิกความได้เชื่อมโยงกัน 

เริ่มตั้งแต่เมื่อจำเลยที่ 1 พาผู้เสียหายที่ 1 เข้าห้องพัก โดยเปิดประตูและล็อกประตูจากนั้นจำเลยที่ 1 ลวนลามโดยกอด และจูบ แต่ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขืน แล้วจำเลยที่ 1เหวี่ยงไปที่เตียงนอน จากนั้นก็พยายามกระทำชำเรา

ซึ่งหากผู้เสียหายที่ 1 มิได้ประสบเหตุการณ์จริง ผู้เสียย่อมไม่สามารถเบิกความได้เป็นลำดับ นอกจากนั้นภายหลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายที่ 1 กลับมาตั้งสติยังที่พักที่โรงแรมนีโอได้ปรึกษากับเพื่อนก็รีบเข้าแจ้งความแก่เจ้าพนักงานตำรวจในทันที ยิ่งไปกว่านั้น ยังพบบาดแผลที่อวัยวะเพศเป็นโลหิตที่มุมปากช่องคลอด แพทย์ลงความเห็นว่ามีระยะเวลาเกิดบาดแผลไม่เกิน 12 ชั่วโมงและมีบาดแผลใหม่บริเวณฝีเย็บด้านขวาใต้ต่อปากช่องคลอด มีระยะเวลาเกิดบาดแผลไม่เกิน 6 ชั่วโมง พยานผู้เชี่ยวชาญเบิกความให้ความเห็นว่า อาจจะมีการล่วงล้ำของอวัยวะเพศหรือสิ่งอื่นทางช่องคลอด อีกทั้งยังพบรหัสพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของจำเลยที่ 1 ตามร่างกายและชุดชั้นใน สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายในชั้นสอบสวนว่า 

จำเลยที่ 1 พยายามเอาอวัยวะเพศสอดใส่อวัยวะเพศของผู้เสียหายแต่อวัยวะเพศไม่แข็งตัว จึงใช้อวัยวะเพศถูรอบนอกอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ผู้เสียหายที่ 1 ขัดขืนพลิกตัวพยายามดันจำเลยที่ 1 ออก จากนั้นจำเลยที่1 พยายามสอดใส่แต่ไม่สำเร็จ จึงสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง 

คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหายที่ 1 หลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน ในระยะเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ทำให้ไม่มีโอกาสบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นนอกจากนั้นพยานผู้เชี่ยวชาญไม่ยืนยันโดยให้ความเห็นว่า อาจจะมีการล่วงล้ำของอวัยวะเพศหรือสิ่งอื่นใดทางช่องคลอดซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหายที่ 1 ว่าจำเลยที่ 1 ใช้อวัยวะเพศถูรอบนอกอวัยวะเพศ

การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายที่ 1 แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากผู้เสียหายที่ 1ดิ้นขัดขืน ทำให้จำเลยที่ 1กระทำไม่สำเร็จ นอกจากนี้ เกี่ยวกับร่องรอยความรุนแรงที่พบตามร่างกายผู้เสียหายที่ 1 แพทย์เบิกความยืนยันว่า พบรอยแดงที่เต้านมข้างขวาของผู้เสียหายที่ 1 เกิดจากการใช้แรงกดทับที่ไม่ใช่การจับธรรมดา ซึ่งสอดคล้องกับคำเบิกความของผู้เสียหาย ถูกใช้มือจับหน้าอกและใช้มือยันหน้าอกเพื่อไม่ให้ลุกขึ้น บีบหน้าอกจนเกิดรอยแผลแดงขนานด้านในของเต้านมด้านขวาเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้เสียหายไม่ยินยอม  เชื่อว่ารอยแดงดังกล่าวเกิดจากการใช้แรงกดทับอย่างรุนแรงที่หน้าอกของผู้เสียหายอันเป็นส่วนหนึ่งของการข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย 

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยจำเลย ไม่ได้ยับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอด และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ส่วนความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้ายนั้น ได้ความว่าลวนลามผู้เสียหาย โดยกอด และจูบ แต่ผู้เสียหายขัดขืน แล้วจำเลยเหวี่ยงผู้เสียหายไปที่เตียงนอน ถอดเสื้อผ้ามานั่งคร่อมที่ต้นขา จากนั้นใช้อวัยวะเพศดันจะข่มขืนกระทำชำเรา มิได้กระทำการอย่างอื่นต่อผู้เสียหาย จะถือว่าจำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายที่ 1 ด้วยหาได้ไม่ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย

สำหรับความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุเกินกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย
จำเลยที่ 1ไม่มีสิทธิพาผู้เสียหายที่ ซึ่งเป็นผู้เยาว์ไปยังห้องพักที่เกิดเหตุสองต่อสองเพื่อมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยมีอายุ 50ปีเศษ ส่วนผู้เสียยังเป็นนักเรียนมีอายุ 17 ปีเศษ 

การที่จำเลยพาผู้เสียหาย เข้าไปในห้องพักที่เกิดเหตุในโรงแรมเวลากลางดึก พฤติการณ์ดังกล่าวส่อเจตนาของว่ามีเจตนาไม่ดีมาแต่แรก ส่วนที่ต่อสู้ว่าเต็มใจเดินทางไปกับนั้น แต่ก็มิได้หมายความว่าผู้เสียหายเต็มใจมีเพศสัมพันธ์ด้วย

 เมื่อข้อเท็จจริงข้างต้นฟังได้ว่า จำเลยพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ การกระทำของจำเลยที่1 จึงเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม   

ปัญหาว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย และฐานร่วมกันพาบุคคลเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารตามฟ้อง หรือไม่ 

ทางพิจารณาฟังได้ว่า จำเลยที่2 พบผู้เสียหายที่ 1 ภายในร้านสุขสันต์ผับเป็นครั้งแรกมีโอกาสสนทนากันภายในผับ และลานจอดรถ โจทก์มีเพียงของผู้เสียหายเป็นพยานเบิกความเกี่ยวกับการแจ้งอายุของของผู้เสียหายที่ 1แก่จำเลยที่ 1 เท่านั้น 

อีกทั้งปรากฏป้ายห้ามบุคคลอายุต่ำกว่า 20ปี เข้าใช้บริการที่หน้าประตูทางเข้าร้าน มีเจ้าหน้าที่ร้านตรวจสอบบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการ น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2ไม่ทราบว่าของผู้เสียหายที่ 1มีอายุ 17 ปี จึงกระทำไปโดยมิได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด จะถือว่าจำเลยที่ 2กระทำความผิดโดยเจตนาไม่ได้

สำหรับค่าเสียหายที่โจทก์ร่วมเรียกจากจำเลยทั้งสอง เห็นว่า แม้โจทก์ร่วมและผู้ร้องไม่มีหลักฐานใดมานำสืบแสดงให้เห็นว่าโจทก์ร่วมและผู้ร้องเสียค่าใช้จ่ายในรักษาพยาบาลเพราะได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจเป็นเงินเท่าใด ผู้ร้องเป็นหญิงกำลังเรียนมัธยมศึกษาปีที่6ทั้งเป็นนักดนตรีและนักกีฬาประจำโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น เป็นที่รู้จักของเพื่อนนักเรียน และครูอาจารย์เมื่อจำเลยที่ 1 ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้ร้อง ย่อมทำให้ผู้ร้องได้รับบาดเจ็บต่อทั้งทางร่างกาย จิตใจ เช่น มีบาดแผลอันเนื่องมาจากการถูกจำเลยล่วงละเมิดทางเพศตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผล และเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของผู้ร้อง โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้ดูแลผู้ร้อง และผู้ร้องจึงมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 ได้ แต่การที่โจทก์ร่วมเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1และผู้ร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1เห็นว่าสูงเกินไป

 เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายต่อชื่อเสียงของโจทก์ร่วมเป็นเงิน5หมื่นบาท กำหนดค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้ร้องเป็นเงิน2หมื่นบาท ค่าทนทุกข์เวทนาเป็นเงิน 5หมื่นบาท  ค่าเสียหายต่อชื่อเสียงเป็นเงิน 5หมื่นบาท รวมเป็นเงินที่จำเลยที่ 1ต้องชำระแก่โจทก์ร่วมเป็นเงิน 5หมื่นบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อย และต้องชำระแก่ผู้ร้องเป็นเงิน 1.2 เเสนบาท พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา80, 283 ทวิ วรรคแรก, 319วรรคหนึ่ง 

การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย จำคุก 2 ปี ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย และฐานพาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจาร การกระทำของจำเลยที่1 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา276วรรคหนึ่งซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90จำคุก 2ปี 8เดือน 

ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย คงจำคุก 1ปี 4 เดือน ฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย คงจำคุก 1ปี9เดือน 10วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 2ปี 13เดือน 10วัน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก 

ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากโทษในคดีของศาลจังหวัดร้อยเอ็ดนั้นคดีดังกล่าวศาลยังมิได้พิพากษา จึงให้ยกคำขอ

 

related