svasdssvasds

สโลวีเนีย สวรรค์แห่งความเท่าเทียม ส่วน ไทย คือดินแดงแห่งความเหลื่อมล้ำ

สโลวีเนีย  สวรรค์แห่งความเท่าเทียม ส่วน ไทย คือดินแดงแห่งความเหลื่อมล้ำ

สโลวีเนีย สวรรค์แห่งความเท่าเทียม ส่วน ไทย คือดินแดงแห่งความเหลื่อมล้ำ ปัญหาที่ต้องรีบอก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป

SHORT CUT

  • ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย
  • ดย ดัชนีจีนี (Gini Coefficient) แสดงให้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งของไทยนั้นสูงกว่าความเหลื่อมล้ำด้านรายได้
  • แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่ ครัวเรือนรายได้น้อยยังคงมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสูง เช่น ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และการศึกษา

สโลวีเนีย สวรรค์แห่งความเท่าเทียม ส่วน ไทย คือดินแดงแห่งความเหลื่อมล้ำ ปัญหาที่ต้องรีบอก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป

ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาที่ท้าทายสังคมทั่วโลก ไม่ว่าประเทศนั้นจะพัฒนาแล้วหรือไม่ก็ตาม SPRiNG พาไปสำรวจความเหลื่อมล้ำใน สโลวีเนีย ประเทศที่ได้รับการยกย่องว่ามีความเหลื่อมล้ำต่ำที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับ ประเทศไทย ที่กำลังเผชิญปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับที่น่าเป็นห่วง โดยจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุ ผลกระทบเชิงลึก และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่ครอบคลุม เพื่อมุ่งสู่สังคมที่เป็นธรรม ยั่งยืน และน่าอยู่ยิ่งขึ้น

สโลวีเนีย ดินแดนแห่งความเสมอภาค

สโลวีเนียเป็นประเทศที่โดดเด่นในด้านความเท่าเทียมทางรายได้ โดยในปี 2024 มี ค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) เพียง 24.6% ตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่า รายได้ของประชากรถูกกระจายอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยสำคัญหลายประการ ได้แก่

 

ไม่ว่าจะเป็นระบบสวัสดิการสังคมที่แข็งแกร่ง โดยสโลวีเนียให้ความสำคัญกับการสร้างหลักประกันความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพลเมืองทุกคน ผ่านระบบสวัสดิการที่ครอบคลุม ตั้งแต่การศึกษา สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการประกันสังคม ทำให้ประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะมีรายได้มากน้อยเพียงใด ต่างก็สามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่มีคุณภาพได้

สหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง สโลวีเนียมี อัตราการเข้าร่วมสหภาพแรงงานสูงถึง 20-30% สหภาพแรงงานมีบทบาทสำคัญในการต่อรองค่าจ้างและสวัสดิการที่ดีให้กับแรงงาน ซึ่งช่วยลดช่องว่างระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง และสร้างความเป็นธรรมในตลาดแรงงาน

นโยบายภาษีแบบก้าวหน้า สโลวีเนียใช้ระบบภาษีแบบก้าวหน้า โดยผู้มีรายได้สูงจะต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงกว่าผู้มีรายได้น้อย เงินภาษีที่จัดเก็บได้ จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศและช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ทำให้เกิดการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมมากขึ้น

ประเทศไทย กับดักความเหลื่อมล้ำที่แก้ไม่ตก

ในทางตรงกันข้าม ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับสูง โดยในปี 2024 ประเทศไทยมีค่าสัมประสิทธิ์จีนีอยู่ที่ 34.9% แม้จะมีแนวโน้มลดลงในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่ ประเทศไทยยังคงมีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และยังห่างไกลจากการเป็นสังคมที่เท่าเทียม ปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นจากหลายมิติ ดังนี้

ช่องว่างรายได้ระหว่างเมืองกับชนบท โดยคนในชนบทยังคงมีรายได้ต่ำกว่าคนในเมืองอย่างชัดเจน ความยากจนในชนบทมีอัตราสูงกว่าในเมืองถึง มีคนจนในชนบทมากกว่าในเมืองเกือบ 2.3 ล้านคน นอกจากนี้ คนในชนบทยังเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การศึกษา และสาธารณสุข ได้น้อยกว่าคนในเมือง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองและชนบทยังคงถ่างกว้าง

การกระจุกตัวของความมั่งคั่ง โดยความมั่งคั่งในประเทศไทยกระจุกตัวอยู่ในมือของคนกลุ่มเล็กๆ เพียงไม่กี่คน คนรวย 10% ของประเทศ ครอบครองทรัพย์สินมากกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ในขณะที่คนจนจำนวนมาก ยังคงดิ้นรนต่อสู้กับความยากจน ขาดโอกาส และความมั่นคงในชีวิต

สหภาพแรงงานที่อ่อนแอ ประเทศไทยมีอัตราการเข้าร่วมสหภาพแรงงานเพียง 1.5% ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล สหภาพแรงงานในประเทศไทยยังขาดความเข้มแข็ง ขาดอำนาจต่อรอง และไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเพียงพอ ส่งผลให้สิทธิแรงงาน ค่าจ้าง และสวัสดิการ ยังไม่เป็นธรรม

ความเหลื่อมล้ำเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก เห็นได้จากเด็กในครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพน้อยกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวฐานะดี ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำในโอกาสทางการศึกษา และช่องว่างนี้จะยิ่งถ่างกว้างขึ้นเมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่

ครัวเรือนรายได้น้อยพึ่งพาตนเองไม่ได้ แม้ภาพรวมความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของไทยจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยที่สุด 20% ยังคงมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ และต้องพึ่งพาเงินโอนจากนอกครัวเรือน เช่น เงินช่วยเหลือจากรัฐ หรือเงินที่ลูกหลานส่งกลับมา เพื่อประทังชีวิต

ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งสูงกว่าความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ แม้ค่าสัมประสิทธิ์จีนีด้านรายได้และการบริโภคของไทยจะลดลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่ ค่าสัมประสิทธิ์จีนีด้านความมั่งคั่งยังคงสูงกว่ามาก สะท้อนให้เห็นถึงการกระจุกตัวของทรัพย์สินในมือของคนกลุ่มน้อย และความยากลำบากในการสะสมความมั่งคั่งของคนส่วนใหญ่

ผลกระทบของความเหลื่อมล้ำ ภัยเงียบที่บั่นทอนสังคม

ความเหลื่อมล้ำไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสังคมในหลายมิติ

ไมว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม เมื่อคนจำนวนมากรู้สึกว่าสังคมไม่เป็นธรรม ขาดโอกาส และถูกกีดกัน พวกเขาอาจเลือกที่จะหันไปใช้วิธีการที่ผิดกฎหมายเพื่อความอยู่รอด งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง มักจะมีอัตราการเกิดอาชญากรรมสูงกว่าประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำต่ำ

ปัญหาสุขภาพ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง คนจนมักจะเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพได้ยาก มีภาวะโภชนาการที่ไม่ดี และมีความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้น

การสูญเสียศักยภาพทางเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อคนจำนวนมากขาดโอกาส ขาดการศึกษา และขาดทักษะ ประเทศชาติก็จะสูญเสียศักยภาพในการพัฒนา คนที่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ อาจต้องจมอยู่กับความยากจน และไม่สามารถใช้ศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่

ความไม่มั่นคงทางการเมือง ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางสังคม ความไม่สงบทางการเมือง และความไม่มั่นคงของประเทศ เมื่อคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ ขาดความยุติธรรม และสิ้นหวังในชีวิต พวกเขาก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติ การรัฐประหาร และสงครามกลางเมือง

ทางออก มุ่งสู่สังคมที่เป็นธรรม ยั่งยืน และเท่าเทียม

การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยมีแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบริบทของประเทศไทย ได้แก่

การลงทุนใน "ทุนมนุษย์": รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา และสาธารณสุข อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชนบท เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันให้กับประชาชนทุกคน การศึกษาที่มีคุณภาพ จะช่วยให้คนรุ่นใหม่มีทักษะ ความรู้ และความสามารถ ในการแข่งขันในตลาดแรงงาน และมีชีวิตที่ดีขึ้น ส่วนการสาธารณสุขที่ทั่วถึง จะช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงาน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างเต็มที่

การส่งเสริมสหภาพแรงงาน: รัฐบาลควรส่งเสริม สนับสนุน และคุ้มครองสิทธิของแรงงานในการรวมตัวกันเป็นสหภาพ เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง และยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน สหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง จะช่วยให้แรงงานได้รับค่าจ้างและสวัสดิการที่เป็นธรรม มีสภาพการทำงานที่ดี และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเป็นธรรมในสังคมและเศรษฐกิจ

นโยบายภาษีที่เป็นธรรม: รัฐบาลควรปฏิรูประบบภาษี ให้มีความเป็นธรรม โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ โดยจัดเก็บภาษีจากผู้มีรายได้สูง ในอัตราที่สูงกว่า และมีมาตรการป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี เงินภาษีที่จัดเก็บได้ ควรนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสวัสดิการสังคม ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน

การกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ: รัฐบาลควรส่งเสริมการลงทุนในชนบท สนับสนุนธุรกิจชุมชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อกระจายรายได้ สร้างงาน และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบท นอกจากนี้ รัฐบาลควรสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน เทคโนโลยี และตลาด ได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ SMEs สามารถเติบโต สร้างงาน และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

การสร้างระบบประกันสังคมที่ครอบคลุม: รัฐบาลควรพัฒนาระบบประกันสังคม ให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มแรงงานนอกระบบ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาส เพื่อเป็นหลักประกัน ลดความเสี่ยงในการดำรงชีวิต และสร้างความมั่นคงทางสังคม ระบบประกันสังคม ควรครอบคลุมถึงการดูแลสุขภาพ การว่างงาน การทุพพลภาพ และการเสียชีวิต เพื่อให้ประชาชนทุกคน สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี แม้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิต

สโลวีเนีย ประสบความสำเร็จในการลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการสร้างสังคมที่เป็นธรรม และให้โอกาสที่เท่าเทียมกับประชาชนทุกคน ผ่านระบบสวัสดิการสังคมที่แข็งแกร่ง สหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง และนโยบายภาษีแบบก้าวหน้า ขณะที่ ประเทศไทย ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทาย ในการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง อย่างรุนแรง การแก้ไขปัญหา ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนนโยบาย ที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ทุนมนุษย์" การกระจายโอกาส และสร้างระบบสวัสดิการ ที่เป็นธรรม เพื่อสร้างสังคมไทย ให้น่าอยู่ และยั่งยืน สำหรับทุกคน

อ้างอิง

กรุงเทพธุรกิจ / Datapandas / WorldBank / TheActive / สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ / การเงินการคลัง / OurWorldinData / Forbes / รพีพัฒน์ อิงคสิทธิ์ / BrandThink / 

 

related