svasdssvasds

สรุปมหากาพย์เงินเสน่หา ทนายตั้ม - เจ๊อ้อย เกิดอะไรขึ้นบ้างในคดีนี้

สรุปมหากาพย์เงินเสน่หา ทนายตั้ม - เจ๊อ้อย เกิดอะไรขึ้นบ้างในคดีนี้

ช่วงหลังมานี้มีข่าวฉาวเกี่ยวกับทนายบ่อยเหลือเกิน แต่คงไม่มีคดีไหนที่มีคนติดตามเท่ากับ คดีทนายตั้มกับเจ๊อ้อย ซึ่งดำเนินมานานกว่า 2 สัปดาห์ จนในที่สุดวันนี้ ทนายตั้มและภรรยาก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวตามหมายจับ ขณะกำลังขับรถมุ่งไปทาง จ.สระแก้ว

สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามคดีนี้ SpringNews รวบรวมข้อมูลสำคัญของคดีมาให้อ่านกันในรายงานชิ้นนี้ 

 

1. มหากาพย์เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 23 ต.ค. พ.ศ. 2567 สำนักข่าวผู้จัดการได้ออกมาเปิดเผยว่า จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย นักธุรกิจสาวได้เข้าแจ้งความที่สถานีภูธรปากช่อง จ.นครราชสีมา กล่าวหาว่าทนายตั้มฉ้อโกงตนในธุรกิจหวยออนไลน์ โดยอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองผู้ใหญ่ และสามารถเอาโควตาสลากกินแบ่งมาขายได้ เจ๊อ้อยจึงได้โอนเงินจำนวน 71 ล้านบาทให้ทนายตั้ม แต่ปรากฎว่าทนายตั้มไม่ได้นำเงินไปดำเนินการ 

ทั้งนี้ เจ๊อ้อย มีพื้นเพเป็นคน จ.นครราชสีมา และได้มีโอกาสแต่งงานและย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่ในปี 2020 เธอจะโชคดีถูกหวย  EuroMillions My Million เป็นเงินกว่า 5,700 ล้านบาท ทำให้เธอเริ่มทำธุรกิจ, ลงทุน รวมถึงบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนในชนบท

 

2. หลังข่าวดังกล่าวถูกรายงาน ในวันที่ 24 ต.ค. พ.ศ. 2567 ทนายตั้มได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ’ ว่า "พี่สนธิลงข่าวว่าผมฉ้อโกงเงิน 71 ล้าน พนันกันไหมใครหน้าแหก ดื่มเยี่ยว 71 แก้ว” ทั้งนี้ สนธิเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าวผู้จัดการที่รายงานกรณีดังกล่าว

3. ในวันที่ 25 ต.ค. สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ออกมาตอบโต้ทนายตั้มผ่านรายการ ‘คุยทุกเรื่องกับสนธิ’ แสดงหลักฐานการโอนเงินจากเจ๊อ้อยถึงทนายตั้ม ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการให้โดยเสน่หาแน่นอน และทนายตั้มควรงัดหลักฐานการเสียภาษีออกมาเพื่อแสดง มิฉะนั้น กรมสรรพสามิตรต้องดำเนินการ 

ประเด็นที่สนธิอ้างถึง เกี่ยวกับกรณีที่ทนายตั้มได้ไปออกรายการโหนกระแสเมื่อวันที่ 23 ต.ค. พ.ศ. 2567 และเอ่ยถึงแหล่งที่มาของรายได้ของตัวเองว่า ร่ำรวยขึ้นเพราะมีลูกความเศรษฐีให้เงินช่วยเหลือ และที่ไปต่างประเทศบ่อยเพราะไปกับลูกความ โดยเล่าว่าเคยได้เงินจากลูกความสูงสุด 2 ล้านยูโร (ราว 70 ล้านบาท) 

สนธิยังเปิดเผยว่า เจ๊อ้อยเคยจ้างบริษัทของทนายตั้มให้ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจในประเทศไทย โดยมีการเรียกเก็บเงินในช่วงแรก 30,000 บาท/ เดือน ก่อนเพิ่มเป็น 300,000 บาท/ เดือน แต่เมื่อผ่านไปราว 1 ปีก็ยกเลิกไป เพราะเจ๊อ้อยมองว่าทนายตั้มไม่ได้ช่วยอะไรตนมากนัก ในระหว่างนั้น ทนายตั้มพยายามที่จะต่อสัญญากับเจ๊อ้อย โดยเขาได้เดินทางไปประเทศฝรั่งเศส (ด้วยเงินของเจ๊อ้อย) แล้วพาเธอเที่ยวในสถานที่หรูหราไฮโซ เพิ่มความไม่พอใจให้กับเจ๊อ้อย

จุดแตกหักระหว่างทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อเจ๊อ้อยโอนเงิน 13 ล้านบาทให้ทนายตั้มซื้อรถเมอร์ซิเดส เบนซ์ G-Class และยังสืบไปพบว่าทนายตั้มนำไปให้คนอื่นขับ เพาะเลขไมล์เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่น


 

4. ต่อมาได้มีการเปิดเผยอีกกรณีนึงคือ กรณีเจ๊อ้อยโอนเงิน 39 ล้านบาท โดยมีรายงานว่าเจ๊อ้อยต้องการจ้างนักร้องชาวจีนรายหนึ่งในมาแสดงในงานวันเกิดตัวเอง ซึ่งนักร้องคนดังกล่าวคิดค่าจ้างเป็นเงิน 39 ล้านบาท และรับการจ่ายเงินผ่านบิตคอยน์เท่านั้น เจ๊อ้อยจึงติดต่อให้ทนายตั้มช่วยเหลือเป็นธุระให้  

แต่ทนายตั้มได้อ้างว่าถูกแก๊งต้มตุ๋นออนไลน์หลอกเอาเงินไป และเข้ามาพบเจ๊อ้อยขอให้ช่วยโอนเงินคืนให้ ซึ่งทางเจ๊อ้อยก็ได้เซ็นเช็คมอบให้แก่ทนายตั้มเป็นจำนวน 39 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มีข้อมูลที่อ้างว่าบัญชีที่ทนายตั้มโอนไปเป็นของ สา ที่สนิทสนมกับทนายตั้ม

 

5. นอกจากเงินเหล่านี้ ยังมีกรณีเงินก้อนอื่นๆ อาทิ เงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท, ค่าออกแบบบ้านสามี 3 ล้านบาท, เงินซื้อรถเบนซ์ 13 ล้านบาทที่เจ๊อ้อยอ้างว่ามีการนำไปให้คนอื่นขับ 

 

6. ในช่วงนั้น ได้มีหลายคนออกมาให้ข้อมูลถึงพฤติกรรมของทนายตั้ม เช่น ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัช ที่เกี่ยวข้องกับคดีเสียชีวิตของแตงโม ได้มาออกรายการ ‘โหนกระแส’ และระบุว่าหลังเกิดเหตุทนายตั้มให้คำปรึกษาทางกฎหมายกับพวกตนโดยให้บิดเบือนข้อเท็จจริง แต่พวกตนปฏิเสธ ทำให้ทนายตั้มโพสต์เฟซบุ๊กด้อยค่าพวกตน 

 

7. เมื่อวันที่ 31 ต.ค. เจ๊อ้อยได้เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเป็นครั้งแรก ก่อนเข้าให้ปากคำอีกรวมเป็นทั้งหมด 3 ครั้ง โดยทางด้านทนายความของเจ๊อ้อยยืนยันว่าเงินที่ให้ไป ไม่ได้ให้โดยเสน่หา 

 

8.ต่อมาวันที่ 5 พ.ย. ทนายตั้มได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าแต่เดิมตัวเองเป็น ‘น้องรัก’ ทางเจ๊อ้อยจึงให้ทำทุกอย่าง และยืนยันว่าตัวเองส่งงานทั้งหมดแล้ว ทนายตั้มยังชี้แจ้งประเด็นเงิน 39 ล้านอ้างว่า บุคคลที่เจ๊อ้อยโอนเงินให้เป็นสแกมเมอร์ 

 

9. ล่าสุด ทนายตั้ม พร้อม ปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของษิทรา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวตามหมายจับข้อหาฉ้อโกง , ฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบฟอกเงิน จากกรณีหลอกลวงเงิน จตุพร อุบลเลิศ หรือ เจ๊อ้อย ใน 4 กรณี ได้แก่ 

  • คดีหลอกโอนเงิน 71 ล้านบาท กรณีค่าทำสลากออนไลน์
  • คดีหลอกโอนเงิน 39 ล้านบาท กรณีบิตคอยน์ 
  • คดีให้เงิน 13 ล้านบาท แต่จ่ายเงินจริงไม่ถึง ถูกแจ้งความดำเนินคดีเสียหาย 1.5 ล้านบาท
  • คดีจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท มูลค่าจริง 3.5 ล้านบาท

ล่าสุด ทั้งคู่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการให้ทั้งคู่ประกันตัว 

ต้องดอกจันทน์ไว้ว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด ทนายตั้มยังเป็นเพียงผู้ต้องหาและมีสิทธิสู้คดีเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ สุดท้าย ใครจะเป็นผู้หลอกลวงใครกันแน่ และใครจะต้องกินฉี่ 71 แก้วก่อนกัน 


 

related