SHORT CUT
สศค. แจงไม่ตอบหนังสือ สคบ. เมื่อปี 2561 หวั่นถูกนำไปเคลมสร้างเครดิตผิดๆ ไม่มีอำนาจชี้ว่าธุรกิจใดเป็นขายตรงหรือแชร์ลูกโซ่ แต่พร้อมรับเรื่องร้องทุกข์ส่งต่อตำรวจดำเนินการ เสนอแก้กฎหมายให้ ก.ยุติธรรมดูแลแทน
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยไทม์ไลน์กรณี The iCon Group โดยอ้างถึงกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เคยมีหนังสือเมื่อปี 2561 หารือลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด (The iCon) ว่าลักษณะการประกอบธุรกิจและแผนธุรกิจการตลาดเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม มาตรา 4 วรรคแรก ของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 หรือไม่นั้น
สศค. ชี้แจงว่า หน่วยงานไม่มีหน้าที่ในการพิจารณาแผนธุรกิจของผู้ประกอบการรายใด ที่จะจดทะเบียนขายตรงหรือการตลาดแบบตรง เพราะหากให้ความเห็นไปอาจเกิดความคาดเคลื่อนและส่งผลให้มีผู้นำความเห็นนั้นไปใช้โดยไม่ถูกต้องภายหลังได้
แต่ สศค. มีหน้าที่รับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหายจากธุรกิจการเงินนอกระบบ แจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน และศึกษาวิเคราะห์การดำเนินงานของธุรกิจการเงินนอกระบบเพื่อตรวจสอบการกระทำความผิด นำไปสู่การฟ้องร้อง เสนอความเห็นการยึดอายัดทรัพย์สิน เป็นต้น ทั้งนี้หากพบว่าข้อร้องเรียนใดเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และมีผู้เสียหายเกิดขึ้น สศค.จะส่งเรื่องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติหาหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ที่สำคัญคือ ธุรกิจใดอาจเข้าข่าย "การขายตรงแอบแฝงแบบแชร์ลูกโซ่" ต้องมีการสัญญาว่าจะจ่ายผลตอบแทนจากการหาสมาชิก มิใช่ผลตอบแทนจากการขายสินค้า โดยต้องพิจารณารายกรณีไปด้วย
ทั้งนี้มีข้อเสนอว่า กฎหมายดังกล่าวควรมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติ จากเดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ไปเป็น กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม เพราะมีบุคลากรที่มีความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการบังคับใช้กฎหมาย สอบสวนดำเนินคดี ปราบปรามการกระทำความผิดมากกว่า