SHORT CUT
'ทักษิณ' โชว์วิสัยทัศน์ Negative Income Tax (NIT) ระบบภาษีเงินได้ ชดเชยเงินให้ผู้มีรายได้น้อย ช่วยคนไม่มีรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ จูงใจดึงคนเข้าสู่ระบบภาษี
23 ส.ค. 67 จากการแสดงวิสัยทัศน์ ของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 บนเวที ‘Dinner Talk : Vision for Thailand 2024’ ที่จัดขึ้นโดยเนชั่น กรุ๊ป ถึงทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้น คือ เรื่องของการขยายฐานภาษีให้มีผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น ด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับผู้ที่มีเงินได้ต่ำกว่าเกณฑ์ คือหากใครที่มีรายได้น้อย นอกจากจะไม่ต้องเสียภาษีแล้ว ยังได้เงินช่วยเหลือด้วย เพื่อจูงใจดึงคนเข้าสู่ระบบภาษี
แนวคิดนี้ ถูกเสนอขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้อย่างไม่เท่าเทียมกัน ฟรีดแมน มองว่าคนที่ทำงานแต่มีรายได้น้อยก็ควรได้รับเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำทาง "รายได้" ในสังคมด้วยการให้รัฐบาลจ่ายเงินให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้เลย แทนที่จะเก็บภาษีจากพวกเขา
เรื่องนี้ ด้าน ผศ.ดร.ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ อาจารย์กฎหมายภาษีอากร รองคณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และ ผู้ก่อตั้ง iTAX ได้อธิบายถึงการทำงานของระบบ Negative Income Tax ไว้ว่า
เช่น ถ้ารัฐบาลใช้เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีคือ ปีละ 150,000 บาท และอัตราการชดเชย 50% ผลลัพธ์เป็นไปได้ในกรณีต่างๆ อาจเป็นได้ดังนี้
ก) นายเอก ไม่มีรายได้เลย - นายเอกก็จะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเป็นจำนวน 150,000 x 50% = 75,000 ต่อปี
ข) นายโท มีรายได้ 100,000 บาทต่อปี - นายโทก็จะได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลโดยคิดจากส่วนต่างของเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำกับรายได้ตัวเอง คือ 50,000 (เกณฑ์ขั้นต่ำ 150,000 - รายได้จริง 100,000) ดังนั้น นายโทจะได้เงินชดเชย 50,000 x 50% = 25,000 ต่อปี
ค) นายตรี มีรายได้ 150,000 บาทต่อปี ซึ่งเท่ากับเกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำพอดี - นายตรีจะไม่ได้รับเงินชดเชยจากรัฐบาลเลย
ง) นายจัตวา มีรายได้สูงกว่า 150,000 บาทต่อปี - นายจัตวาจะต้องเสียภาษีให้แก่รัฐบาลตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำหนดไว้
ข้อดีของ Negative Income Tax
Negative Income Tax เป็นการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ จึงมุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่สมควรได้รับได้ตรงกลุ่มและครอบคลุมที่สุดเพราะเป็นสวัสดิการแบบเจาะจง ช่วยประหยัดงบประมาณได้มากกว่าการดำเนินโครงการสวัสดิการแบบถ้วนหน้าที่บางครั้งใช้งบประมาณสูงแต่อาจได้ประสิทธิภาพไม่เต็มที่ เพราะงบประมาณถูกจัดสรรให้บุคคลที่ไม่ได้มีรายได้น้อยจริงๆ หรือไม่ได้รับความเดือดร้อนจริง
ประเทศไหนใช้ระบบ Negative Income Tax บ้างรึยัง?
บางประเทศได้มีการดำเนินนโยบาย Negative Income Tax ไปแล้ว โดยมีรายละเอียดและใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกัน เช่น
- Earned Income Tax Credit (EITC) - สหรัฐอเมริกา อิสราเอล เกาหลีใต้ และสวีเดน
- Family Tax Benefit (FTB) - ออสเตรเลีย
- Independent Earner Tax Credit (IETC) - นิวซีแลนด์
- Workfare Income Supplement (WIS) - สิงคโปร์
- Working Income Tax Benefit (WITB) - แคนาดา
- Working Tax Credit (WTC) - สหราชณาจักร
ความท้าทายของระบบ Negative Income Tax
1) ต้นทุนการคัดกรองค่อนข้างสูง และสร้างภาระการยื่นภาษีเพิ่มให้ผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากบุคคลผู้มีรายได้น้อยที่จะรับเงินช่วยเหลือได้ต้องเข้าระบบภาษีด้วย ดังนั้น ในกรณีที่รัฐไม่มีข้อมูลรายได้จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มากเพียงพอ บุคคลเหล่านี้จึงจำเป็นต้องทำหน้าที่ยื่นภาษีเพื่อให้มีข้อมูลในระบบด้วยแม้ว่าจะไม่มีรายได้เลยก็ตาม ซึ่งอาจสร้างภาระให้ผู้มีรายได้น้อยรวมถึงผู้ไม่มีรายได้ต้องยื่นภาษีทุกปีด้วย ซึ่งต่างจากระบบปัจจุบันที่ผู้มีรายได้น้อยไม่เคยมีหน้าที่ต้องยื่นภาษีมาก่อน
2) ใช้งบประมาณเพิ่มเติม เพราะการให้เงินช่วยเหลือจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณมาเพิ่มเติม ซึ่งประเด็นนี้อาจย้อนแย้งกับแนวทางที่กระทรวงการคลังกำลังวางแผนลดภาษีเงินได้ ซึ่งอาจทำให้งบประมาณยิ่งไม่เพียงพอ ดังนั้น รัฐบาลต้องวางแผนเรื่องแหล่งเงินช่วยเหลือที่เหมาะสมและเป็นไปได้จริงด้วย