svasdssvasds

ความกลัวศาสนาอิสลาม 'อิสลาโมโฟเบีย' โรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก

ความกลัวศาสนาอิสลาม 'อิสลาโมโฟเบีย' โรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก

อิสลาโมโฟเบีย (ISLAMOPHOBIA) โรคกลัวศาสนาอิสลาม เลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม โรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ปลูกฝังการเหยียดเชื้อชาติ

SHORT CUT

  • การประท้วงในอังกฤษ แสดงให้เห็นถึง ความเกลียดชังชาวมุสลิม หรือ อิสลามโมโฟเบีย (ISLAMOPHOBIA) ที่ยังคงฝังรากลึกในสังคม
  • อคติต่อศาสนาอิสลาม เริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยที่ชาวมุสลิมทำสงครามขยายอาณาเขตมาชนกับศาสนาคริสต์
  • หลังจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 หรือ 9/11 ความหวาดกลัวอิสลามก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อิสลาโมโฟเบีย (ISLAMOPHOBIA) โรคกลัวศาสนาอิสลาม เลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม โรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ปลูกฝังการเหยียดเชื้อชาติ

เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค. 67 ที่ผ่านมา เกิดความวุ่นวายในอังกฤษ เนื่องจากเด็กหญิง 3 ราย เสียชีวิต จากการถูกแทงในเมืองเซาท์พอร์ต ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่าผู้ก่อเหตุเป็นวัยรุ่นชายอายุ 17 ปี ที่เกิดในเมืองคาร์ดิฟฟ์

แต่ผู้ใช้โซเชียลจำนวนหนึ่งได้อ้างว่า เขาเป็นชาวมุสลิมที่ขอลี้ภัยเข้ามาในประเทศ ซึ่งข้อมูลนำมาสู่การจลาจลทางเชื้อชาติที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายทศวรรษขออังกฤษ

การเผยแพร่ข่าวปลอมได้ปลุกกระแส เกลียดชังคนมุสลิมและผู้อพยพในอังกฤษให้กลับมา กลุ่มผู้ชุมนุมขวาจัดที่ไม่พอใจการมีอยู่ของกลุ่มผู้อพยพ เผาทำลายข้าวของเจ้าหน้าที่ เข้าไปก่อกวนถึงในโรงแรมผู้อพยพ และมีการเผชิญหน้ากับม็อบที่ออกมาต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ จนบรรยากาศของอังกฤษคล้ายเกิดสงครามกลางเมือง

ความกลัวศาสนาอิสลาม \'อิสลาโมโฟเบีย\' โรคที่แพร่กระจายไปทั่วโลก

PHOTO AFP

การที่ข่าวปลอมเรื่องสถานะผู้ก่อเหตุแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วนั้น แสดงให้เห็นถึง ความเกลียดชังชาวมุสลิม หรือ อิสลาโมโฟเบียโมโฟเบีย (ISLAMOPHOBIA) ที่ยังคงฝังรากลึกในสังคม ซึ่งไม่ได้รุนแรงแค่ในโซเชียลเท่านั้น แต่มันส่งผลมาถึงความรุนแรงของคนในโลกความจริงด้วย

อิสลาโมโฟเบีย คืออะไร ?

ทั้งนี้คำว่าอิสลาโมโฟเบีย (ISLAMOPHOBIA) หรือ ความหวาดกลัวอิสลาม เป็นวาทกรรมซึ่งมีรากเหง้าจากมายาคติต่อศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมในฐานะคู่ขัดแย้งมายาวนานของชาวตะวันตก

อิสลาโมโฟเบียปรากฏในฝรั่งเศส เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นคำเรียกความรู้สึก และนโยบาย ต่อต้านมุสลิมในช่วงเวลาที่คนยุโรปส่วนใหญ่ยังรู้จักแต่ศาสนาคริสต์

กองทัพ ออตโตมัน PHOTO : Zapotocny

ที่คำนี้ถือกำเนิดมาได้ เพราะความเกลียดชังเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยที่ชาวมุสลิมทำสงครามขยายอาณาเขตมาชนกับศาสนาคริสต์ เช่นช่วงที่จักรวรรดิ ไบแซนไทน์ก็ต้องพ่ายแพ้แก่จักรวรรดิออตโตมันของชาวเติร์ก (ค.ศ 1453) และช่วงสงครามครูเสด (ค.ศ.1638-1834) โดยช่วงที่กองทัพออตโตมันปิดล้อมกรุงเวียนนา (ค.ศ. 1683) ที่เชื่อกันว่าได้ก่อให้เกิดความวิตก กังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของศาสนาอิสลามไปทั่วยุโรป

ครามครูเสด (ค.ศ.1638-1834)

แต่นักวิชาการหลายคนเชื่อว่าตัวเร่งที่สำคัญ ในการทำให้เกิดคำว่า ‘อิสลาโมโฟเบีย’ คือ กฎหมาย ‘limpieza de sangre’ หรือ กฎหมายความบริสุทธิ์ของเลือดของสเปนในช่วงปี 1449 ซึ่งเลือกปฏิบัติต่อผู้ที่มี เชื้อสาย ยิวหรือมุสลิม ไม่ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์หรือไม่ก็ตาม จึงทำให้ชาวยุโรปหวาดกลัวทุกอย่างที่มาจากอิสลามมานมนาน

ความเกลียดกลัวอิสลามในโลกยุคใหม่

หลังจากเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 หรือ 9/11 ความหวาดกลัวอิสลามก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้ชาวมุสลิมหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาและในยุโรปตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทั้งวาจาและร่างกาย และสงครามปราบปรามก่อการร้ายของสหรัฐฯ ในขณะนั้น ก็ยิ่งจุดกระแสอิสลาโมโฟเบียให้ลุกโชนไปทั่วโลก

เหตการณ์ 9/11 PHOTO Cyril A.

มีกฎหมายต่อต้านอิทธิพลของศาสนาอิสลามจำนวนมากเกิดขึ้น เช่น

  • ปี 2009 สวิตเซอร์แลนด์ ได้ตราพระราชบัญญัติเพื่อป้องกันการสร้าง ‘หออะซาน’ ที่ไว้เป็นส่วนสำคัญของสถานที่ประกอบศาสนกิจของศาสนาอิสลาม
  • ปี 2010 ฝรั่งเศสได้ออกกฎหมายห้ามสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจนในการป้องกันไม่ให้สตรีชาวมุสลิมสวมหน้ากากแบบดั้งเดิม เช่น นิกอบ
  • ปี 2021 รัฐบาลออสเตรียได้เผยแพร่แผนที่ออนไลน์ของมัสยิดทั่วประเทศ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการชี้เป้าให้ผู้ที่เกลียดชังชาวมุสลิมเข้ามาก่อกวนได้

ยิ่งไปกว่านั้น อิสลาโฟเบีย ยังถูกโยงกับ ทฤษฎี สมคบคิดมากมาย ดังนี้

  • บารัค โอบามา แท้จริงแล้ว เขาเป็นอิสลามหัวรุนแรง
  • การที่ผู้อพยพมุ่งมายังยุโรปมากขึ้น เป็นแผนของชายมุสลิมที่ต้องการจะยึดครองยุโรปในอนาคต
  • ชาวมุสลิมมีส่วนสำคัญในการแพร่ระบาดของCOVID-19

ความกลัวอิสลามในทวีปเอเชีย

แน่น่อนว่าชาวตะวันตก คือผู้นำเทรนอิสลาโมโฟเบียมาโดยตลอด แต่เอเชียก็มีความเกลียดชังชาวอิสลามที่รุนแรงเช่นกัน เช่น ในเมียนมาร์มีการเลือกปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญาทำให้เกิด วิกฤตการณ์ผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ และในจีน พรรคคอมมิวนิสต์มักมองว่าศาสนาคือภัยคุกคามต่อการปกครอง จึงมีการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิม ในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ เพื่อควบคุมไม่ให้ศาสนาอิสลามเผยแพร่ไปนอกอาณาเขต

PHOTO  Todenhoff

สรุปได้ว่า จะส่วนไหนของโลก ก็มี ‘อิสลาโมโฟเบีย’ ซึ่งเป็นผลมาจาก ชาวมุสลิมบางกลุ่มมีภาพจำเรื่องความรุนแรง เช่น กองกำลังฏอลิบาน (Taliban) ในอัฟกานิสถาน และ กองกำลังไอสิส (ISIS) เป็นต้น และสื่อภาพยนตร์จากตะวันตกต่างๆ ก็เน้นนำเสนอชาวมุสลิมเป็นผู้ร้ายในหนังสงคราม จึงทำให้เกิดการเหมารวมไปโดยปริยาย

กล่าวคือ อิสลาโมโฟเบีย เป็นผลมาจากสงครามระหว่างอารยธรรมในอดีต จึงทำให้ผู้คนแบ่งแยกทางเชื้อชาติ มองว่าชาวมุสลิมเป็นพวกหัวรุนแรงและหลายครั้ง อิสลาโมโฟเบีย มักจะรวมคำว่า "ตะวันออกกลาง" กับ "มุสลิม" เข้าด้วยกัน ทั้งที่ในความจริง ชาวตะวันออกกลางจำนวนมากไม่ได้เป็นมุสลิม และชาวมุสลิมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง

อย่างไรก็ตาม สังคมโลกออกมาต่อต้านคำว่า ‘อิสลาโมโฟเบีย’ มากขึ้น เพราะยุคที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย การเหยียดเชื้อชาติและศาสนานั้นเป็นสิ่งล้าสมัยไปแล้ว และควรเพ่งเล็งไปที่บางกลุ่มมากกว่าเหมารวมทางศาสนา

ที่มา : BritannicaPolitico

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

 

 

related