svasdssvasds

ด่วน! เปิดลงทะเบียน "ดิจิทัลวอลเล็ต" 1 ส.ค.-15 ก.ย. ร้านค้าลงทะเบียน 1 ต.ค. 67

ด่วน! เปิดลงทะเบียน "ดิจิทัลวอลเล็ต" 1 ส.ค.-15 ก.ย. ร้านค้าลงทะเบียน 1 ต.ค. 67

เปิดลงทะเบียน "ดิจิทัลวอลเล็ต" แจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท เปิดลงทะเบียนประชาชน 1 ส.ค. - 15 ก.ย. เปิดลงทะเบียนร้านค้า 1 ต.ค.67 ‘คลัง’ มั่นใจสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจ คาดร้านค้าเข้าร่วม 2 ล้านร้านค้า

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ถึงความคืบหน้าสำคัญของโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ว่า หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการพิจารณารายละเอียดโครงการฯ อย่างรอบคอบ สอดคล้องตามบทบัญญัติของรัฐธธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมนำความเห็นหน่วยงานต่างๆ มาประกอบการพิจารณาอย่างรอบคอบและรัดกุมนั้น

โครงการฯ มีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจแล้ว โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญเพื่อส่งเสริมให้มีเม็ดเงิดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ และช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเศรษฐกิจ สามารถพึ่งพาตนเองได้ สร้างและเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ

รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเมื่อเริ่มดำเนินโครงการฯ แล้ว จะก่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจจำนวน 4 ลูก ได้แก่

  • พายุหมุนลูกที่ 1 การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้าขนาดเล็ก ถือเป็นกระต้นเศรษฐกิจไปยังฐานราก กระจายไปพร้อมกันกันทุกอำเภอทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน
  • พายุหมุนลูกที่ 2 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้า ขนาดเล็กกับร้านค้าขนาดใหญ่
  • พายุหมุนลูกที่ 3 การใช้จ่ายระหว่างร้านค้าขนาดใหญ่กับร้านค้าชนาดใหญ่ซึ่งจะทำให้เกิดการต่อยอดกำลังซื้อ การบริโภค หรือสร้างโอกาสในการลงทุนเพื่อประกอบอาชีพ
  • พายหมุนลูกที่ 4 พลังการใช้จ่ายของประชาชนแต่ละคนจะเกิดผลต่อการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ

 

รัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 และมีกำหนดการที่จะให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

ทั้งนี้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันแถลงรายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม 

รายละเอียดของโครงการฯ เพิ่มเติม 

  • คุณสมบัติประชาชน 
  1. ประชากรที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
  2. สัญชาติไทย
  3. มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ปิดรับลงทะเบียน (15 กันยายน 2567)
  4. ไม่เป็นผู้มีรายได้เกิน 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
  5. ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันเกิน 500,000 บาท
  • ตรวจสอบข้อมูลเงินฝาก 6 ประเภท ได้แก่
  1. เงินฝากกระแสรายวัน
  2. เงินฝากออมทรัพย์
  3. เงินฝากประจำ
  4. บัตรเงินฝาก
  5. ใบรับเงินฝาก
  6. ผลิตภัณฑ์เงินฝากในชื่อเรียกอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกับข้อ (1) - (5)

ทั้งนี้เงินฝากดังกล่าวให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงเงินฝากในบัญชีร่วม และเป็นเงินฝาก ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567

  • กำหนดการเข้าร่วมโครงการฯ
  1. การลงทะเบียนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 จะดำเนินการผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" บนสมาร์ทโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ ดังนั้น ประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วน ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ซึ่งรัฐบาลได้ประมาณการไว้จำนวน 45 - 50 ล้านคน
  2. การลงทะเบียนประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการให้เข้าร่วมโครงการฯ ได้ในระยะต่อไป โดยจะให้มีการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนด (ระหว่างวันที่ 16 กันยายน - 15 ตุลาคม 2567) ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติ สถานะบุคคล และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เช่นเดียวกับกลุ่มผู้มีสมาร์ทโฟน สำหรับส่วนของการใช้จ่ายนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน แต่การใช้สิทธิซื้อสินค้าจากร้านค้าจะทำได้ในวงแคบกว่าการใช้สิทธิของประชาชนกลุ่มที่มี สมาร์ทโฟน ดังนั้น การลงทะเบียนผ่านสมาร์ตโฟนจะสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า จึงแนะนำให้พยายายามลงทะเบียนผ่านทางสมาร์ตโฟนก่อนเป็นอันดับแรก
  • การลงทะเบียนร้านค้า
  1. การลงทะเบียนร้านค้า ในเบื้องต้นกำหนดไว้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเกี่ยวกับคุณสมบัติของร้านค้า ช่องทางและวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้ทราบต่อไป

การใช้จ่ายในโครงการฯ มีรายละเอียด ดังนี้

  1. เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2567
  2. เงื่อนไขการใช้จ่าย

2.1) การใช้จ่ายระหว่างประชาชนกับร้านค้า : ประชาชนจะสามารถใช้จ่ายได้กับร้านค้า

ขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก โดยไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น และในการซื้อสินค้า หากประชาชนมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในอำเภอใด ก็ต้องซื้อสินค้าจากร้านค้าในอำเภอเตียวกันเท่านั้น และต้องซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) ซึ่งคำว่าซื้อขายแบบพบหน้านี้ จะมีการตรวจสอบ

(1) ที่อยู่ของร้านค้าตามที่ลงทะเบียนโครงการฯ

(2) ที่อยู่ของประชาชนตามทะเบียนบ้านในขณะที่ลงทะเบียนโครงการฯ

(3) พิกัดที่อยู่ของประชาชนในขณะที่ใช้จ่ายกับร้านค้าต้องอยู่ในเขตอำเภอเดียวกันการชำระเงินจึงจะสมบูรณ์

  2.2) การใช้จ่ายระหว่างร้านค้ากับร้านค้า : ร้านค้าทุกประเภทสามารถซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้ และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นการซื้อขายแบบพบหน้า (Face to Face) จึงซื้อขายสินค้าระหว่างกันได้

  3) ประเภทสินค้า: สินค้าทุกประเภทสามารถเข้าร่วมโครงการฯ ได้ ยกเว้นสินค้า Negative List ได้แก่ สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ กัญชา กระท่อม พืชกระท่อม ผลิตลิตภัณฑ์กัญชาและกระท่อม บัตรกำนัล บัตรเงินสด ทองคำ เพชร พลอย อัญมณี น้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธธรรมชาติ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์อาจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงรายการสินค้าNegative List เพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ การใช้จ่ายภายใต้โครงการฯ จะไม่รวมถึงบริการต่าง ๆ

  • ขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอป "ทางรัฐ" แบ่งเป็น 2 รูปแบบ
  1. รูปแบบที่ 1 การยืนยันตัวตนและลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ"ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567
  2. รูปแบบที่ 2 การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" มาก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แล้วจึงค่อยมาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเดชัน "ทางรัฐ" ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 ซึ่งจะทำให้คงเหลือขั้นตอนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ที่ง่ายและรวดเร็วกว่า

ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนเตรียมการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" และทำการยืนยันตัวตนล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฟลิเคชัน "ทางรัฐ" ได้โดยตรงจากแอป พลิเคชัน "App Store" สำหรับระบบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปพลิเคชัน "Goode Play" สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) บนโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ นำเสนอรายละเอ๊ยดต่างๆ ของโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายในเดือนกรกฎาคม 2567

อนึ่งประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯได้ที่เว็บไซต์ digitalwallet หรือพิมพ์เป็นกาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย หรือ

สามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111111 ซึ่งพร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นต้นไป

related