svasdssvasds

หวย ทำให้คนไทยบ้าคลั่งจน ร.4 ต้องสั่งห้ามพระใบ้หวย

หวย ทำให้คนไทยบ้าคลั่งจน ร.4 ต้องสั่งห้ามพระใบ้หวย

หวย ทำให้คนไทยบ้าคลั่งจน ร.4 ต้องสั่งห้ามพระใบ้หวย แต่เมื่อห้ามไม่ได้ก็ทำให้ถูกกฎหมายจนกลายเป็นสลากกินแบ่ง

SHORT CUT

  • วยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มีหลักฐานปรากฏชัดเจนในสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) โดยกลุ่มชาวจีน เรียกว่า ฮวยหวย
  • คนไทยคลั่งหวยเป็นอย่างมาก จนนำมาผูกกับความเชื่อเรื่องดวง และการเสี่ยงโชค นำไปสู่การสอดแทรกเข้าไปในพระพุทธศาสนา โดยมีความเชื่อว่าพระสงฆ์ เ สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินบอกใบ้หวยให้กับตนและถูกรางวัลนำไปสู่ความร่ำรวย
  • จนรัชกาลที่ 4 ที่มีพื้นหลังอยู่ในสมณะเพศมาอย่างยาวนานในธรรมยุตินิกาย ประกอบกับพระองค์มองว่าเรื่องหวยเป็นอบายมุข จึงสั่งห้ามพระสงฆ์ใบ้หวย

หวย ทำให้คนไทยบ้าคลั่งจน ร.4 ต้องสั่งห้ามพระใบ้หวย แต่เมื่อห้ามไม่ได้ก็ทำให้ถูกกฎหมายจนกลายเป็นสลากกินแบ่ง

หวยเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน มีหลักฐานปรากฏชัดเจนในสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.3) โดยกลุ่มชาวจีน เรียกว่า ฮวยหวย ที่มีความหมายว่า ชุมนุมดอกไม้ และต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้น โดยใช้แผ่นป้ายจำนวน 34 ป้าย จากนั้นให้เขียนชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียง และนำมาทาย ถ้าหากทายถูกก็จะได้รับเงินรางวัล 30 ต่อหนึ่ง 

 

จากนั้นหวยเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งเรียกว่า หวย ก ข และกลายเป็นที่นิยมเล่นกันมาก จนกลายเป็นรายได้สำคัญของรัฐ ทำให้คนไทยติดกันจนงอมแงมอย่างยาวนานจนยากที่จะถอนตัวจนถึงปัจจุบัน

คนไทยคลั่งหวยเป็นอย่างมาก จนนำมาผูกกับความเชื่อเรื่องดวง และการเสี่ยงโชค นำไปสู่การสอดแทรกเข้าไปในพระพุทธศาสนา โดยมีความเชื่อว่าพระสงฆ์ เกจิ สามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน รู้อนาคต บอกใบ้หวยให้กับตนและถูกรางวัลนำไปสู่ความร่ำรวย

 

คนไทยบ้าหวยจนพระมหากษัตริย์ต้องสั่งพระภิกษุห้ามใบ้

แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าขึ้นครองราชย์ ด้วยพื้นหลังของพระองค์อยู่ในสมณะเพศมาอย่างยาวนานในธรรมยุตินิกาย ประกอบกับพระองค์มองว่าเรื่องหวยเป็นอบายมุข ขัดกับศีลธรรมอันดีงามตามพระพุทธศาสนา แต่ครั้นจะประกาศให้เลิกเลยเป็นไปได้ยาก ประกอบกับหวยสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล แล้วจะทำอย่างไรล่ะถึงจะอยู่ตรงกลางระหว่างเรื่องศีลธรรมกับเรื่องรายได้ได้

มีหลักฐานในประชุมประกาศรัชกาลที่ 4 ภาค 5 ว่าในปี พ.ศ. 2403 รัชกาลที่ 4 ทรงออกประกาศห้ามพระสงฆ์ไม่ให้บอกบ้ายแทงหวยและประพฤติอนาจาร เพื่อควบคุม พระสงฆ์ สามเณร ที่กระทำตัวไม่เหมาะสมหลายประการ ที่เกี่ยวกับ “หวย” ทั้งใบ้หวย เล่นหวย รวมถึง ปลอมเป็นคฤหัสถ์ กินเหล้า และเที่ยวกลางคืน 

 

และมีการย้ำชัดเรื่องพระสงฆ์ใบ้หวยในประกาศอธิบายไว้ว่า “แต่ครั้งก่อนพระราชาคณะผู้น้อยผู้ใหญ่ท่านประชุมกันปรึกษาโทษว่า พระภิกษุสามเณรบอกใบ้แทงหวยเป็นการใกล้อุตริมนุษย์ธรรมอยู่ เหตุไม่รู้ว่ารู้ไม่เห็นว่าเห็น ทั้งเป็นภัณฑไทยใกล้อทินนาทาน (หมายถึง การขโมยหรือการลักทรัพย์) เหตุเขาเสียทรัพย์ทั้งสองฝ่าย ไม่เอาไว้ร่วมสังฆกรรมทำอุโบสถธรรมต่อไปให้สึกเสีย”

แต่สำหรับ พระสงฆ์ สามเณร ที่ชอบเล่น “หวย” นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องอาบัติที่ยังพอเยียวยาหรือแก้ไขได้ โดยให้ว่ากล่าวสั่งสอนก่อน แต่หากยังแทงหวยต่อไปอีกก็จะให้สึก และกำหนดไว้ว่า หากมีพระสงฆ์สามเณรยังบอกใบ้แทงหวยเกิดขึ้น ณ อารามใดๆ จะให้ลง “ทัณฑกรรม” (หมายถึงการลงโทษ) พระราชาคณะ พระครูถานานุกรม เจ้าคณะ เจ้าอธิการในพระอารามนั้นๆ และจะถวาย “ทัณฑกรรม” เจ้าประคุณผู้ใหญ่ด้วย

สั่งแล้ว สั่งอยู่ สั่งต่อ ห้ามเล่น / ใบ้หวย

อย่างไรก็ตามเรียกได้ว่าหวยนั้นอยู่ใน DNA ของคนไทยมาอย่างยาวนาน เวลาผ่านไปปรากฏว่ายังมีพระสงฆ์สามเณรที่กระทำการขัดต่อกฎสงฆ์และกฎหมายอยู่ รัชกาลที่ 4 ทรงถึงขั้นทรงตำหนิพระสงฆ์ผู้ใหญ่ที่ปล่อยปละละเลย ไม่สอดส่องดูแลพระสงฆ์สามเณรว่า

“บัดนี้ภิกษุสามเณรยังประพฤติขืนหมายยืนอยู่ หาประพฤติตามกฎหมายที่ประกาศไว้หาเอาไม่ ยังบอกใบ้แทงหวยกินเหล้าเล่นเบี้ยทำอนาจารต่างๆ ตามอำเภอใจ ฝ่ายพระราชาคณะถานานุกรมผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงเล่า ก็ไม่มีความอายแก่พระสงฆ์ลังกาพม่ามอญซึ่งได้เข้ามาอยู่ในพระมหานคร แลไม่มีความอายสัปปุรุสสีกาทายกที่เขามีศรัทธาเลื่อมใสในพระสาสนา จึงละเมินเพิกเฉยเสีย”

เช่นกรณีของ “อ้ายสมีเขียนอยู่วัดชีปะขาวไปนอนบอกหวยอยู่ในบ้านกับสีกาถึง 4, คืน แลอ้ายมหาขันเปรียญอยู่วัดมหาธาตุนุ่งห่มผ้ามาปลอมเพศคฤหัสถ์กินเหล้าถือดาบเที่ยวกลางถนนเพลากลางคืน”

ดังนั้นประกาศฉบับนี้จึงเป็นการย้ำเตือนถึงพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ว่าให้คอยสอดส่องดูแลพระสงฆ์สามเณรอย่างเคร่งครัด “อย่าให้บอกบ้ายแทงหวยทำช่างทองรูปพรรณต่างๆ เป็นการจ้างหากินอย่างฆราวาส อย่าให้นุ่งห่มผ้าคฤหัสถ์เที่ยวกินเหล้าใส่หมวกจีโบเที่ยวแทงโปแทงถั่วตามโรงจีนแลประเทศที่ใดๆ ก็ดี อย่าให้มีผิดขึ้นได้ในพระอารามเปนอันขาด”

หากพระสงฆ์สามเณรที่กระทำการเสื่อมเสียต่างๆ โดนจับได้หรือมีผู้มาร้องเรียนว่าอยู่วัดใด พระครู ถานานุกรม เจ้าคณะ เจ้าอธิการอุปัชฌายอาจารยณวัดนั้นๆ จะถูก “ปรับหมายทำทัณฑกรรม” และถ้าพระสงฆ์สามเณรอยู่ในกุฏิใกล้เคียงกัน ทราบเรื่องแล้วแต่ไม่รายงานต่อพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ ก็จะให้ปรับโทษหนักเช่นเดียวกัน และให้เจ้าคณะจับตัวพระสงฆ์สามเณรผู้กระทำผิดมาส่งแก่เจ้าคณะผู้ใหญ่ที่วัดพระเชตุพน “อย่าให้ปิดบังไว้ในพระศาสนาเป็นอันขาด”

เลิกไม่ได้ก็ทำให้ถูก

สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าการสั่งให้คนไทยเลิกเล่นหวยนั้นยากมาก ขนาดพระสงฆ์ หรือสามเณรที่ต้องถือศีลมากกว่าคนทั่วไปกว่าจะสั่งห้ามเลิกใบ้หรือเลิกเล่นหวยได้ยังต้องใช้เวลา

ขณะเดียวกันเองเมื่อหวยไม่สามารถสั่งสังคมไทยเลิกเล่นหวยได้เด็ดขาดและรับเล็งเห็นแล้วว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐได้ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) การใช้ชื่อ "สลากกินแบ่งรัฐบาล"และทรงควบคุมการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบเล่นหวยในหมู่ประชาชนทั่วไป

อ้างอิง

SilpaMag1 / SilpaMag2 /

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related