ไทยอาจได้เป็นเจ้าภาพแข่ง F1 ใช้พื้นที่ใกล้อู่ตะเภาเป็นสนามแข่ง เร็วสุดปี 2027 นายกฯ หวังสนับสนุนการท่องเที่ยวสร้างรายได้มหาศาล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังจากเดินทางไปเยี่ยมชม สนามแข่งรถ Autodromo Enzo e Dino Ferrari (ออโตโดรโม่ เอ็นโซ่ อีดีโน่ เฟอร์รารี่) ที่เมืองโบโลญญา สาธารณรัฐอิตาลี และพบกับผู้บริหารสนาม ซึ่งเป็นสนามที่เป็นประวัติศาสตร์ โดยรัฐบาลไทยต้องการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว ให้มีการแข่งขันกีฬาระดับโลก ซึ่งฟอร์มูล่า 1 (F1) ใน 1 ปี จะมีการแข่งขันกว่า 20 สนาม ตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก แต่ไม่เคยจัดขึ้นที่ไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องการที่จะให้มีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทย
โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ นายกวิณ กาจนพาสน์ กรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด ที่เป็นผู้ได้รับการทำสัมปทานสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีที่ดินอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก หากได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสนามแข่งขัน ก็จะใช้ที่ดินบริเวณอู่ตะเภา
"รัฐบาลจึงให้ความมั่นใจว่า ไทยมีความพร้อมในการสร้างสนามแข่งขันอย่างเร็วที่สุด ในปี 2027 หรืออย่างช้าที่สุดปี 2028 โดยมีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) อย่างเช่น เมื่อครั้งที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขัน ก็มี บริษัทปิโตรนาส เป็นผู้สนับสนุน เชื่อว่า ทั้งผู้จัดและเราก็มีความต้องการให้จัดการแข่งขัน มั่นใจว่า ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีข่าวดี" นายเศรษฐา กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มั่นใจว่าจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะได้รับการตอบรับจากผู้จัดเป็นอย่างดี และมีทีม RedBull และนักแข่งที่เป็นคนไทย ก็อยากจะเห็นสนามการแข่งขันในประเทศไทย
นายเศรษฐา กล่าวว่า นอกจากจะมีการแข่งขัน F1 แล้ว ก็จะได้มีการจัดการแข่งขัน F2 ซึ่งเป็นลีกรองลงมาอีกด้วย ซึ่งมีการจัดการแข่งขัน 3 วันเช่นเดียวกัน รวมถึงนักแข่งประเภทเยาวชนด้วย ขณะเดียวกันยังไม่ได้ประเมินว่า หากมีการแข่งขันแล้วจะมีรายได้เข้าประเทศมากน้อยเพียงไหน ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ แต่จากที่สังเกตเห็นในสนามตั๋วเข้าชมระดับวีไอพี ต่อคนราคาประมาณ 5,000-8,000 เหรียญสหรัฐ และยังมีรายได้จากช่องทางอื่น ทั้งผู้สนับสนุนหรือการเปิดบูธขายอาหาร
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ในมุมของเศรษฐกิจ ยังมีเรื่องของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ทำให้เกิดการใช้จ่าย ทั้งค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ซึ่งรัฐบาลสามารถจัดกิจกรรมเสริมในช่วงเวลานั้นได้อีก รวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวได้หลายจังหวัด และเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกในทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล แต่ขณะนี้ยังมีรายละเอียดเชิงลึกที่จะต้องหารือกันอีก
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังได้โพสต์ผ่าน X ส่วนตัว Srettha Thavisin@Thavisin ระบุว่า หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราต้องไปคุยกับ Formula One Group เพื่อดึง F1 มาแข่งที่ไทย จากการหารือ ประเทศไทยเรามีโอกาสและศักยภาพที่จะจัดการแข่งขัน F1 ทั้งแบบ Race Circuit หรือ Street/Road Circuit เพราะโดยเฉพาะในกรุงเทพที่มีทัศนียภาพสวยงาม
ในการจัดงานแข่งเอง จะต้องมีการปรับปรุง ก่อสร้าง ต่อเติม ทั้งปรับปรุงถนนให้รองรับการแข่งขันได้ การสร้างที่นั่งชม Pit Stop การติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้าน Electronic & Digital เกิดการจ้างงานจำนวนมาก เกิดรายได้ และเกิดการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพราะทั้งหมดจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีม F1 และผู้ประกอบการไทย เช่นเดียวกับการจ้างงานทั้งแบบ Temporary และ Full-time ที่จะมาทำงานในอุตสาหกรรม Motor Sport นี้
จะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งการบริหารจัดการ การวางแผนกลยุทธ์ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะเป็นประสบการณ์ระดับโลกที่คนไทยเราจะเข้าถึงยากหากเราไม่ได้มีการจัดการแข่งขัน F1 ในประเทศครับ
คนจำนวนมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกจะมาเมืองไทยเพื่อมาชมการแข่งขัน มากิน มาพัก มาเที่ยว มาใช้เวที F1 ในการเป็นที่ประชุมเจรจาการค้า การลงทุน รวมถึงมาจัดงานอื่น ๆ ต่อเนื่อง ภาคท่องเที่ยวและบริการ โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ภาคการคมนาคมขนส่ง จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ ทั้งรายได้ที่เพิ่มขึ้น และแรงจูงให้พัฒนาทักษะทางด้านภาษา
ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นเจ้าภาพ F1 ได้ และการจัด F1 จะนำการจ้างงาน รายได้ และความรู้ ซึ่งจะเป็นการยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทย สร้างประโยชน์มหาศาลต่อคนไทยในหลายมิติ อยากให้ทุกคน โดยเฉพาะแฟน ๆ Motor Sport ช่วยกันเป็นกระบอกเสียง และช่วยผลักดันให้ไทยได้เป็นเจ้าภาพ F1 เพื่อเศรษฐกิจไทย เพื่อคนไทยทุกคนครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง