ข่าวจริง! สั่งห้ามครูทำคอนเทนต์เด็ก ฝ่าฝืนถูกเพิกถอนใบอนุญาต
กสม. ห่วงสิทธิเด็กถูกละเมิดผ่านคอนเทนต์ออนไลน์ เสนอห้ามครูใช้ลูกศิษย์สร้างคอนเทนต์ ฝ่าฝืนถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
SHORT CUT
- คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีครูนำเด็กไปทำคอนเทนต์ออนไลน์ เสี่ยงละเมิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในระยะยาว
- กสม. เสนอให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดมาตรการชัดเจน ห้ามครูใช้เด็กทำคอนเทนต์ในทุกกรณี เพื่อคุ้มครองสิทธิของเด็ก
- หากฝ่าฝืน อาจถึงขั้นถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยคุรุสภาต้องเข้มงวดด้านจรรยาบรรณมากขึ้นทั่วประเทศ
กสม. ห่วงสิทธิเด็กถูกละเมิดผ่านคอนเทนต์ออนไลน์ เสนอห้ามครูใช้ลูกศิษย์สร้างคอนเทนต์ ฝ่าฝืนถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ครั้งที่ 14/2568 โดยมีข้อเสนอแนะสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเด็กจากการถูกนำไปใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออนไลน์ ซึ่งอาจเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัว และนำไปสู่ความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางออนไลน์ในระยะยาว
กสม. มีความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีที่ปรากฏข่าวและข้อมูลเกี่ยวกับการนำเด็กไปทำคอนเทนต์ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ครูและบุคลากรทางการศึกษามีส่วนเกี่ยวข้องในการนำลูกศิษย์ไปถ่ายคลิปวิดีโอ หรือสร้างเนื้อหาต่างๆ เพื่อเผยแพร่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเด็กในหลายด้าน
เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว กสม. จึงมีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทรวงศึกษาธิการ ให้กำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันอย่างชัดเจนในแผนงานหรือนโยบาย เพื่อมิให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานำเด็กไปทำคอนเทนต์ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม
นอกจากนี้ กสม. ยังได้เสนอแนะให้คุรุสภา ซึ่งเป็นองค์กรที่กำกับดูแลจรรยาบรรณของวิชาชีพครู ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง โดยให้กำชับ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความตระหนักรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการประพฤติตนตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 แก่ครูและผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การละเมิดข้อห้ามดังกล่าวอาจนำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา เพื่อมุ่งป้องกันและแก้ไขปัญหาการนำเด็กไปทำคอนเทนต์
การดำเนินการดังกล่าวเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการคุ้มครองสิทธิเด็กในยุคดิจิทัล และเป็นการส่งสัญญาณให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเด็กไปทำคอนเทนต์ออนไลน์
