ว่อนโซเชียล! เอกสาร “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล คัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” กรรมการ ป.ป.ช. พฤติกรรมไม่เหมาะสม ดึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นพยาน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในสื่อสังคมออนไลน์ ปรากฏเอกสารบนโซเซียลมีเดีย ลงวันที่ 17 เมษายน 2567 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือขอคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการพิจารณาหรือวินิจฉัยเรื่องกล่าวหาหรือคดีที่เกี่ยวข้องกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์และคณะตำรวจที่ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวพันกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทุกเรื่อง เนื่องจากนายสุชาติ มีสาเหตุโกรธเคืองกับตน โดยเนื้อหาระบุว่า
เมื่อช่วงปลายปี 2562 ซึ่งมีการสรรหาผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีรุ่นพี่หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 58 (วปอ.58 ) ขอความช่วยเหลือเพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พาเข้าพบ “นายพล ป.” เพื่อให้สนับสนุนให้ได้รับการคัดเลือกเป็น กรรมการ ป.ป.ช. เพราะเห็นว่าคุณสมบัติของตัวเองนั้นด้อยกว่าคนอื่นมาก ซึ่งในตอนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ทราบว่า “นายพล ป.” จะช่วยเหลือหรือไม่ แต่ก็ได้พาเข้าไปพบ ซึ่ง “นายพล ป.” ก็ไม่รับปากว่า บอกเพียงแค่ว่า ให้ไปสมัครมา
จนกระทั่งปลายเดือน ม.ค.2563 รุ่นพี่วปอ. ก็ได้รับเลือกให้เป็น กรรมการ ป.ป.ช. จึงมีการติดต่อกับมาหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้พาเข้าพบ “นายพล ป.” อีกครั้ง เพื่อขอบคุณ ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะพาเข้าพบ “นายพล ป.” อีกครั้ง โดยเขาพูดคุยกับ นายพล.ป ว่า พร้อมรับใช้มีอะไรให้สั่งผ่านพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เลย
ระหว่างรอโปรดเกล้า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้พารุ่นพี่วปอ.คนดังกล่าวไปพบกับ ที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง (ในขณะนั้น) เพื่อให้รู้จักกันจะได้ช่วยแนะนำ เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการป.ป.ช. ซึ่งที่ปรึกษาคนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่า รู้จักเพราะเคยไปให้ถ้อยคำในคดี ไบโอเมตริกซ์
ต่อมาเมื่อเขา เข้ารับตำแหน่งแล้ว ประมาณปี 2564 ก็ได้นัดพบกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีก เพื่อแจ้งให้ทราบว่าเขาถูกร้องเรียน และกล่าวหาว่า ที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. (ที่พาไปแนะนำให้รู้จักในตอนนั้น) เป็นคนร้องเรียน จึงต้องการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จัดการให้ เพื่อให้หยุดร้องเรียน แต่เมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สอบถามไปยัง ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. คนดังกล่าวกลับบอกว่า ไม่ได้เป็นคนดำเนินการ และไม่ทราบเรื่อง
เมื่อพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ โทรไปแจ้งกรรมการ ป.ป.ช.(รุ่นพี่วปอ.) กลับไม่เชื่อ อ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สนิทสนมกัน และต่อว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ต่อมา ธ.ค. 2564 กรรมการ ป.ป.ช. (รุ่นพี่วปอ.) ได้นัดเจอกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกครั้ง พร้อมกับแจ้งว่า ยังมีการร้องเรียนตนเองอยู่ต่อเนื่อง และแจ้งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปหยุดการร้องเรียนดังกล่าว และอ้างว่า จะช่วยเหลือคดีใน ป.ป.ช.ของนายพลป.แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แจ้งว่า ไม่มีหลักฐานว่า ที่ปรึกษากรรมการ ป.ป.ช. เป็นคนทำจะไปหยุดได้อย่างไร ทำให้กรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว (รุ่นพี่วปอ.) ไม่พอใจ พร้อมกับ พูดจาในลักษณะข่มขู่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า “พี่โจ๊ก อย่ามีเรื่องมาพึ่งผมบ้างก็แล้วกัน”
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายสุชาติ ตั้งแต่ก่อนเข้ามาดำรงตำแหน่ง และคณะดำรงตำแหน่ง กรรมการ ป.ป.ช. เป็นบุคคลที่มีประวัติและพฤติกรรมที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ กรรมการ ป.ป.ช. หรือไม่
โดยขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งเรื่องของนายสุชาติ ไปยังประธานรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายสุชาติ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีข้อมูลทั้งหมด เพื่อเป็นไปตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ต่อไป
โดยขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ส่งเรื่องของนายสุชาติ ไปยังประธานรัฐสภาเพื่อให้รัฐสภาดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของนายสุชาติ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีข้อมูลทั้งหมด เพื่อเป็นไปตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนข้อเท็จจริงข้างต้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้อ้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนางรัตนา บุรพรัตน์ เป็นพยานบุคคลในเรื่องดังกล่าว
เลขาฯ ป.ป.ช. เผยขอดูข้อเท็จจริงคำร้องคัดค้าน หลัง ‘บิ๊กโจ๊ก’ ยื่นสอบ หนึ่งใน กรรมการ ป.ป.ช. เผยเพิ่งยื่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระบุ ไม่กระทบการพิจารณาคดี เผย ไม่ทราบเอกสารหลุดจากไหน โบ้ยเจ้าตัวปล่อยหรือไม่ ยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ส่วนต้องเชิญ ‘บิ๊กป้อม’ สอบถามหรือไม่นั้น ขอดูเป็นพยานเรื่องใดก่อน ชี้แนวทางยังไม่มีข้อยุติ เพราะ กรรมการป.ป.ช.มักถูกอีกฝ่ายคัดค้านเป็นประจำ
ช่วงเช้าวันนี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหนังสือคัดค้าน การปฏิบัติหน้าที่ของ กรรมการป.ป.ช. ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ยื่นหนังสือไม่ลงวันที่ 17 เม.ย. ว่า ได้รับหนังสือมาสัปดาห์ที่แล้ว คงต้องตรวจสองข้อเท็จจริงว่าร้องคัดค้านในเรื่องใด และเท่าที่ดูในเบื้องต้นว่าค้านเรื่องใดบ้างนั้น ก็คงต้องขอไปดูข้อกฎหมายก่อน เพราะเหตุคัดค้านเวลามีเรื่องกันก็คงต้องไปดูเรื่องส่วนได้เสีย มีสาเหตุโกรธเคืองกันหรือสาเหตุใดก็ตาม ก็มักจะเป็นเหตุคัดค้านตามข้อกฎหมาย
ส่วนหลังจากมีการคัดค้านจะต้องสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลที่ถูกคัดค้านก่อนหรือไม่นั้น มองว่า คงต้องรับฟังเหตุผล เพราะนี่เป็นแค่คำร้อง ต้องดูคำร้องระบุอย่างไร
ส่วนที่สำนวนคดีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในชั้น ป.ป.ช.หลายสำนวนนั้น คงต้องดูข้อเท็จจริงตามคำร้องก่อน เวลาเมื่อมีการไต่สวน มีการร้องคัดค้านเข้ามาอยู่เรื่อยๆ บางครั้งคำคัดค้านก็ฟังไม่ขึ้น ส่วนจะใช้กรอบเวลาในการพิจารณาเท่าไหร่นั้น ต้องดูว่าคำร้องที่ส่งมามีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอะไรบ้าง ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะโอกาสที่คณะกรรมการป.ป.ช. ถูกคัดค้านก็มีเยอะ
ส่วนจะต้องกลับไปดูถึงกระบวนการสรรหาหรือไม่นั้นคงไม่ใช่หน้าที่ ของ ป.ป.ช.คงต้องไปอยู่กับคนที่เขาสรรหามา เพราะ ป.ป.ช. รับผิดชอบเฉพาะกรณีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือทุจริตต่อหน้าที่ ส่วนการกล่าวหาคณะกรรมการฯ ไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. เพราะเป็นองค์อิสระอื่นที่จะต้องพิจารณา
ทั้งนี้จะต้องเรียกสองบุคคลที่ถูกอ้างอิงใน ท้ายคำร้องมาสอบถามหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ส่วนที่มีชื่อของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อยู่ในเอกสารนั้น ต้องไปดูว่าพลเอกประวิตร เป็นพยานในเรื่องอะไร ซึ่งก็เป็นแนวทางยืนยันว่ายังไม่มีข้อยุติ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่มีมีการไต่สวน คงต้องพิจารณาว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ถูกตั้งข้อกล่าวหามากี่เรื่อง หากได้รับผลกระทบอีกหลายคดี จะต้องไปดูในทุกๆ เรื่อง
อย่างไรก็ตามหลังได้รับหนังสือร้องเรียนจากพลตำรวจ สุรเชษฐ์ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับคณะกรรมการกรรมป.ป.ช. รายดังกล่าว ส่วนจะมีการส่งเรื่องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่นั้น ต้องดูข้อพิจารณาก่อนว่าป.ป.ช. มีอำนาจส่งเรื่องให้กับประธานสภาฯ หรือไม่ พร้อมย้ำว่ากระบวนการสรรหาเป็นเรื่องที่ทางสภาฯ จะต้องไปตรวจสอบกันเองว่าสรรหามาอย่างไร
มองว่าเป็นเรื่องส่วนตัวหรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า เรื่องคำร้องเรียนต้องดูที่ข้อเท็จจริง ตน ถึงบอกว่าคณะกรรมการป.ป.ช. ก็ถูกกล่าวหาได้โดยง่าย “ วันนี้คณะกรรมการป.ป.ช. ทำอะไรปุ๊บ ก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้าน ผมถึงบอกว่ามันมีประจำอยู่แล้ว วันหนึ่งในการประชุมก็มีเรื่องการคัดค้านเข้ามาเยอะ ส่วนการคัดค้านเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ก็ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นคำร้องเท่านั้นเอง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย”
เมื่อถามว่า จะเป็นการถ่วงเวลาในการพิจารณาคดีของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หรือไม่นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่ง แต่ปัจจุบันเรื่องของการตรวจสอบก็ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ยังอยู่ในระดับชั้นของเจ้าหน้าที่ ถือว่ายังไม่กระทบ และยังไม่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีของ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กระแสข่าวว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะเดินทางมาในวันนี้ยังไม่ได้รับการประสานมา
เมื่อถามว่า ส่วนเอกสาร หลุดออกมาได้อย่างไรนั้น เลขา ป.ป.ช. ถามกลับว่า ”ตัวเขาเอาไปให้ผู้สื่อข่าวเองหรือเปล่า ไม่ใช่ป.ป.ช. แน่ๆ ผมไม่รู้นะอันนี้“
ส่วนกรณีคณะพนักงานสอบสวน ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำคดีเว็บพนัน BNK Master ได้ส่งสำนวนคดี ที่มีการกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกสำนวนมาให้ ป.ป.ช. พิจารณาเมื่อวันศุกร์ที่ 19 เมษายนนั้น เลขา ป.ป.ช. กล่าวว่า เพิ่งยื่นเมื่อวันศุกร์ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา มันยังคงไม่เร็วถึงขนาดนั้น แต่ก็ต้องไปไล่ดู ว่าอีกสำนวนหนึ่งหรือไม่ เพราะการกระทำมีหลายกรรม ต้องไปดูว่าเรื่องนี้เป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ เกี่ยวกับเรื่องความผิดต่อหน้าที่หรือไม่ เกี่ยวกับเรื่องทุจริตหรือไม่ หรือมีประเด็นเรื่องการเรียกรับเงินหรือไม่ จึงต้องขอเวลาพิจารณาก่อน
ส่วนรายละเอียดในสำนวน มีข้อหาเกี่ยวกับการฟอกเงินนั้นจะต้องรับไว้ดำเนินการเองหรือส่งสำนวนกลับไปให้ ตำรวจดำเนินการนั้น ก็คงต้องดูอีกทีหนึ่งและขอดูก่อนว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง