SHORT CUT
ทำความรู้จัก "ISIS-K" กลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุกราดยิงสะเทือนขวัญโจมตีงานคอนเสิร์ตที่ Crocus City Hall ถือเป็นครั้งร้ายแรงสุดในรอบกว่า 10 ปีที่รัสเซีย
ภายหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญเมื่อกลุ่มมือปืนได้เปิดฉากกราดยิงขึ้นภายในฮอลล์ที่กำลังมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต ชานกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 22 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 115 ศพแล้ว และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มขึ้นเป็น 187 ราย จนนับเป็นเหตุก่อการร้ายที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรัสเซียในรอบเกือบ 20 ปี ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกได้ออกมาประณามและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยการกระทำครั้งนี้กลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็น "กลุ่มรัฐอิสลาม" (ISIS) ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบเป็นผู้ลงมือทันที ผ่านช่องทางสื่อสารของกลุ่มบนแพลตฟอร์มเทเลแกรม
สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ยืนยันแล้วว่ากลุ่มไอซิสเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีดังกล่าวในรัสเซียจริง แต่ก็มาพร้อมคำถามของคนทั่วไปว่า ทำไมไอซิสถึงมาก่อเหตุโจมตีรัสเซีย กลุ่มรัฐอิสลามมีความขัดแย้งอะไรกับรัสเซีย เบื้องหลังของเหตุโจมตีสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปีที่รัสเซียครั้งนี้คืออะไร
ทั้งนี้ กลุ่มไอซิสที่โจมตีรุงมอสโกครั้งนี้ไม่ใช่กลุ่มไอซิสใหญ่ แต่เป็นเครือข่ายระดับภูมิภาคขององค์กรซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในอัฟกานิสถาน นั่นคือกลุ่มรัฐอิสลามโคราซาน หรือ “ไอซิสเค” (ISIS-K)
ISIS-K หรือชื่อเต็มว่า กลุ่มรัฐอิสลามแห่งโคราซาน (Islamic State Khorasan) เป็นกลุ่มย่อยภายใต้ร่มธงของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ISIS) แต่เป็นหนึ่งในกลุ่มย่อยที่มีการเคลื่อนไหวมากที่สุด ขณะที่โคราซาน เป็นชื่อของภูมิภาคในเอเชียกลางซึ่งในอดีตเคยมีพื้นที่อยู่ในหลายประเทศทั้ง อิหร่าน เติร์กเมนิสถาน และอัฟกานิสถาน
กลุ่ม ISIS-K ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยเป็นการแยกตัวของสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายตาลีบันในปากีสถาน (Tehrik-e Taliban Pakistan: TTP) ที่หันไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิส ซึ่งมีความสุดโต่งทางแนวคิดมากกว่าตาลีบัน และมาตั้งเป็นกลุ่ม ISIS-K ในพื้นที่ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน และเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะกลุ่มก่อการร้ายที่มีแนวคิดสุดโต่งที่สุดกลุ่มหนึ่ง จนกระทั่งมาถึงจุดพีกที่สุดในปี 2018 ก่อนที่จะค่อยๆ อ่อนแอลงจากการรบกับทั้งสหรัฐและตาลีบัน
ISIS-K มีประวัติการก่อเหตุโจมตีในหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงการลงมือโจมตีมัสยิดของศาสนาอิสลามเอง ทั้งในและนอกประเทศอัฟกานิสถานด้วย ในขณะที่เมื่อช่วงต้นปีนี้ ข่าวกรองสหรัฐสามารถยืนยันได้ว่า ISIS-K คือกลุ่มที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุโจมตี 2 ครั้งซ้อนในอิหร่าน ในงานวันครบรอบการเสียชีวิตของนายพลคนดังจนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึงเกือบ 100 คน
ย้อนไปเมื่อเดือน ก.ย. 2022 กลุ่ม ISIS-K อ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตรุระเบิดฆ่าตัวตายที่สถานทูตรัสเซีย ในกรุงคาบูล และย้อนกลับไปในปี 2021 ทางกลุ่มอ้างตัวเป็นผู้โจมตีสนามบินนานาชาติคาบูล ซึ่งทำให้มีใทหารสหรัฐเสียชีวิตถึง 13 นาย
ในขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. ปีนี้ ผู้บัญชาการทหารของสหรัฐในตะวันออกกลาง ได้เตือนว่ากลุ่ม ISIS-K มีแผนที่จะลงมือโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐและชาติตะวันตกนอกอัฟกานิสถานภายใน 6 เดือน และอาจไม่มีสัญญาณเตือนบ่งชี้ล่วงหน้า
แม้การก่อเหตุกราดยิงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาจะเป็นเหตุสะเทือนขวัญครั้งใหญ่ แต่ปัญหาระหว่าง ISIS-K กับรัสเซียไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น กลุ่มนี้ก็มีท่าทีต่อต้านประธานาธิบดี "วลาดิมีร์ ปูติน" ของรัสเซีย มาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
โคลิน คล๊าก จากสถาบันวิจัยซูฟาน เซ็นเตอร์ ในสหรัฐ กล่าวว่า กลุ่ม ISIS-K เล็งเป้าไปที่รัสเซียมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และมักกล่าวโจมตีประธานาธิบดีปูตินในเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซีย
หนึ่งในเหตุผลของการโจมตีอาจเป็นเพราะรัสเซียเป็นประเทศที่สนับสนุนรัฐบาลซีเรีย ในการทำสงครามต่อต้านกลุ่มไอซิสในซีเรีย โดยมีการส่งทั้งอาวุธและกำลังทหารไปช่วยรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด แห่งซีเรีย มาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยให้รัสเซียยังมีอิทธิพลอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
ขณะที่ไมเคิล คูเกลแมน จากสถาบันคลังสมองวิลสัน เซ็นเตอร์ กล่าวว่า กลุ่ม ISIS-K มองว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการกดขี่ชาวมุสลิมเป็นปกติ และกลุ่มนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มหนึ่งในเอเชียกลางที่เป็นศัตรูกับรัฐบาลมอสโก โดยสมาชิกของกลุ่มก็มาจากเอเชียกลางที่เคยมีประวัติการสู้รบ ร่วมมือ ไปจนถึงหักหลังกับรัสเซียมาตลอด
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ประกาศผ่านเฟซบุ๊กในวันที่ 22 มี.ค. 2567 ว่า ตามที่ได้มีข่าวเหตุการณ์ กราดยิงรัสเซีย โจมตีงานคอนเสิร์ตที่ Crocus City Hall บริเวณชานเมืองกรุงมอสโก ของรัสเซีย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 มี.ค. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืดวันนี้ตามเวลาในไทยนั้น
ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ขอแจ้งข้อมูลว่าปัจจุบัน "ยังไม่ได้รับรายงานหรือข้อมูล" ว่ามีชาวไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขอให้ชาวไทยในรัสเซียติดตามประกาศและปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก และผู้ว่าการภูมิภาคมอสโก ได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมทางกีฬาและวัฒนธรรม และกิจกรรมอื่น ๆ ที่จะมีการรวมตัวของคนจำนวนมากทั้งหมดในกรุงมอสโกและเมืองใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้แล้ว
สำหรับกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ที่เบอร์ฉุกเฉิน +7 916 939 2155
หน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐบาลกลางรัสเซีย (FSB) ได้รายงานตรงต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับการจับกุมบุคคล 11 คนซึ่งรวมถึง 4 คนที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องโดยตรงกับการโจมตี กราดยิง ของผู้ก่อการร้าย ในงานคอนเสิร์ตที่โครคัส ซิตี ฮอลล์ ย่านชานกรุงมอสโก
FSB เข้าจับกุมผู้ต้องสัยที่เป็นมือปืน 4 คน ขณะกำลังพยายามหนีข้ามพรมแดนไปยังยูเครน ซึ่งมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น แต่ทางการรัสเซียไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม และระบุเพียงว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำในกรุงมอสโกแล้ว
เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้รัสเซียสั่งตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตามสนามบิน ท่ารถโดยสาร และในหลายพื้นที่ทั่วกรุงมอสโกซึ่งมีประชากรกว่า 21 ล้านคน พร้อมสั่งยกเลิกการจัดงานในที่สาธาธารณะทั่วประเทศเป็นการชั่วคราว
ทางด้านรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกต่างร่วมประณามเหตุความรุนแรงครั้งนี้ และส่งสารแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า กลุ่มประเทศตะวันตกในยุโรปและสหรัฐ จะเลือกใช้คำที่แสดงความเสียใจถึงผู้สูญเสียและประชาชาชนชาวรัสเซีย โดยไม่มีการระบุถึงรัฐบาลรัสเซียแต่อย่างใด มีเพียงบางประเทศ เช่น จีน อินเดีย และเวเนซูเอลา ที่สารแสดงความเสียใจครอบคลุมไปถึงรัฐบาลประธานาธิบดีปูตินด้วย
รายงานได้อ้างสำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์ว่า FSB เข้าจับกุมผู้ต้องสัยที่เป็นมือปืน 4 คน ขณะกำลังพยายามหนีข้ามพรมแดนไปยังยูเครน ซึ่งมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น แต่ทางการรัสเซียไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม และระบุเพียงว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำในกรุงมอสโกแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง