ศาล รธน.เตือนวิจารณ์ คำวินิจฉัย คดี ม.112 "พิธา-ก้าวไกล" ระวังโทษปรับ-จำคุก

ถือเรื่องราวที่ต้องจับตาในแวดวงการเมือง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย คดีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล หาเสียงแก้ ม.112 ในช่วงการเลือกตั้ง 2566 เป็นการ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง 

คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

ด้านนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเสียงเอกฉันท์ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฯ รวมไปถึงพรรคก้าวไกล เลิกการกระทำ การแสดงความคิดเห็น และการสื่อความหมายอื่นๆ อันเป็นการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และห้ามมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย

การวิจารณ์คำวินิจฉัย มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

ทั้งนี้ แต่ขอให้ตระหนักว่า การวิจารณ์คำวินิจฉัยโดยไม่สุจริต และใช้ถ้อยหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาตร้าย จะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ มีโทษตั้งแต่การตักเตือน, ปรับไม่เกิน 50,000 บาท รวมถึงโทษจำคุก

ด้าน ​​​​​นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว เปิดเผยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเป็นเอกฉันท์ ให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และให้เลิกการกระทำดังกล่าวหลังจากนี้ว่า จะขอกลับไปทบทวนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่นี่ออกมาก่อน ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะดำเนินการใดๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ยังมีคำร้องอีกฉบับ ที่ได้ยื่นไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เกี่ยวกับนโยบายในคดีดังกล่าว ซึ่ง กกต. เคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า นโยบายดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย แต่เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาในวันนี้ จึงทำให้ข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไป

ดังนั้นจะไปพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา ก่อนจะตัดสินใจดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าภายในวันที่ 1 ก.พ. น่าจะมีแนวทางที่ชัดเจน

ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในคดีดังกล่าวเสร็จสิ้น นายธีรยุทธ ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่รออยู่ที่บริเวณศาล และมอบหมายให้บุคคลอื่นมาแลกบัตรประจำตัวแทน