เริ่มปี2567 มีหลายธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตตามบริบทสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น ขณะนี้ไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ มีโอกาสดันตลาดอาหาร-เครื่องดื่มสุขภาพ 3.4 หมื่นล้านบาทโตกระฉูด และเป็นโอกาสทองของคนที่จะทำธุรกิจนี้
มีการคาดการณ์กันว่าประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ "สังคมสูงอายุ" อย่างสมบูรณ์ในอีกไม่นาน และในปี 2574 ประเทศไทยจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด โดยข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า ผู้สูงอายุมีจำนวนทั้งหมด 12.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 19.4 จากประชากรทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566) ทำให้หลายกลุ่มธุรกิจเริ่มหาแนวทาง และกลยุทธ์ในการจัดสรรสินค้า และบริการที่เหมาะสมกับช่วงอายุเฉลี่ยของคนไทยที่เปลี่ยนไป เพื่อตั้งรับกับมูลค่าตลาดที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
การที่สังคมมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผู้สูงอายุ เติบโตเป็นเงาตามตัว โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกมาประเมินว่า ในปี 2567 มูลค่าตลาดอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุจะเติบโตสูงขึ้น สอดรับกับผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุปี 2567 คาดมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 34,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ต้องปรับกลยุทธ์ และพร้อมตั้งรับความท้าทาย การแข่งขันที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังรายงานอีกว่า ตลาดอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุในไทยมีแนวโน้มเติบโตจากฐานประชากรผู้สูงอายุที่เพิ่ม แต่ด้วยกำลังซื้อผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่ได้สูงมาก ทำให้ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อตั้งรับความท้าทายดังกล่าว
สำหรับอาหาร และเครื่องดื่มผู้สูงอายุ ที่โดดเด่น มี 2 ประเภทหลักๆ คือ
1. อาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุทั่วไป
คิดเป็นสัดส่วน 92% ของมูลค่าตลาดอาหารเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุ เหมาะต่อการเจาะตลาดในระยะแรก เนื่องจากสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเต็มใจจะจ่าย และต้องการอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารออร์แกนิก อาหารที่ปรับปริมาณสารอาหารให้เหมาะสมกับวัยกับโรค ด้านไขมัน น้ำตาล และโซเดียมต่ำ โดยจะเน้นไปที่คุณภาพวัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ ภายใต้ราคาที่เข้าถึงง่าย
2. อาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง
มีสัดส่วนในตลาดเพียง 8% แต่มีแนวโน้มเติบโตจากจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 4.1 แสนคนในปี 2564 โดยคาดว่าจะเพิ่มเป็นเท่าตัวที่ 8.3 แสนคน ภายในปี 2580 ซึ่งผู้สูงอายุในกลุ่มนี้ต้องการอาหารที่เฉพาะเจาะจง เหมาะสมกับโรค สภาพร่างกาย และการรักษา ทำให้โอกาสในการผลิตนั้นอาจอยู่ที่การร่วมมือกับสถานพยาบาล รวมถึงมีการหาช่องทางจำหน่ายร่วมกันโดยกลุ่มอาหาร
นอกจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า ตลาดอาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพของผู้สูงอายุยังคงเติบโตได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ตามการเพิ่มขึ้นประชากรผู้สูงอายุไทย หากผู้ประกอบการมีการขยายการลงทุน และรุกตลาดมากขึ้น จนทำให้มีสินค้าหลากหลายเพื่อรองรับความต้องการ รวมถึงปรับราคาให้เข้าถึงง่าย ก็นับว่ามีโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าผู้สูงอายุไปยังกลุ่มอื่นๆ ได้เช่นกัน พร้อมกันนี้ยังมีโอกาสที่จะสามารถส่งออกไปยังกลุ่มประเทศที่มีอัตราผู้สูงอายุอยู่มาก อย่างประเทศญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กหลักเกณฑ์ เบี้ยผู้สูงอายุ 2566 คุณสมบัติ - วิธีลงทะเบียน จ่ายเมื่อไร ?
เปรียบเทียบ "เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2566" เงื่อนไขต่างจากเดิมอย่างไร