อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถอนตัวจากแคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศลาออกจากสมาชิก-ทุกตำแหน่ง ยืนยันไม่ไปร่วมสังกัดพรรคอื่น ลั่นกรีดเลือดมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย
9 ธ.ค. 2566 ที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 9 โดยก่อนเข้าสู่วาระเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกสมัย
โดยนายชวน ระบุถึงสถานการณ์ของพรรคที่ขณะนี้มีความตกต่ำอย่างมาก หลังจากได้รับเลือก สส. เข้ามาเพียง 25 เสียง โดยเฉพาะ คะแนนเลือกพรรค ที่ได้มาเพียง 9 แสนคะแนนจนทำให้ได้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อเพียง 3 คน ตนเชื่อว่าด้วยคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถของนายอภิสิทธิ์จะสามารถกอบกู้พลิกฟื้นศรัธาของพรรคได้อีกครั้ง
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ลุกขึ้นกล่าวภายหลังที่สมาชิกยกมือรับรองการเสนอชื่อจำนวนครบตามข้อบังคับพรรค โดยตอนหนึ่งระบุว่า ตนยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้ยิ่งกว่าวิกฤต ซึ่งปัญหาหลักคือความเป็นเอกภาพ หลายคนถามว่าทำไมถึงไม่มีการพูดคุยทำความเข้าใจกัน แต่ตนยืนยันว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยปฏิเสธที่จะไม่พูดคุย หลายคนพยายามประสานให้พูดคุย แต่ก็ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง ดังนั้นวันนี้ตนขอให้นายเฉลิมชัย ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคสั่งพักการประชุมชั่วคราวแล้วพูดคุยกับตน
อย่างไรก็ตามระหว่างการประชุม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ได้สั่งพักการประชุม เพื่อคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 10 นาทีก่อนกลับมาประชุมอีกครั้ง
ภายหลังพักการประชุม นายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศขอถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยืนยันกับทุกคนที่นี่ ตนไม่มีพรรคอื่น ไม่ไปพรรคอื่น
กรีดเลือดตนมาก็เป็นสีฟ้าจนวันตาย เป็นลูกพระแม่ธรณี ที่จะเอาอุดมการณ์ประชาธิปัตย์รับใช้บ้านเมืองต่อไป วันข้างหน้า ถ้าในพรรคคิดว่าผมจะเป็นประโยชน์มาช่วยได้ ตนก็คงไม่ปฏิเสธ
แต่วันนี้เพื่อให้ท่านที่มีสถานะ มีอำนาจในการบริหารต่อไป ทำงานด้วยความสบายใจ ทำงานตามแนวทางในสิ่งที่ไม่ต้องหวาดระแวงเรื่องผม หรือเรื่องใครใด ๆ ทั้งสิ้น จึงขออนุญาตลาออก และถือโอกาสนี้ขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานและให้การสนับสนุนผมมาตลอดมา ผมมีความปรารถนาดีต่อพรรค และขอโอกาสให้ผู้บริหารชุดใหม่สามารถทำงานได้สำเร็จตามที่รักษาการหัวหน้าพรรคกล่าวกับผม”นายอภิสิทธิ์กล่าว
ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค อดีตเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลพื้นที่ภาคกลาง 3 สมัย และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ มีความเปลี่ยนแปลงเชิงอุดมการณ์อย่างมาก ที่ประชุมวันนี้เป็นการประชุมที่รู้ผลมาล่วงหน้า ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เห็นว่าละทิ้งอุดมการณ์ของพรรค เห็นว่าการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา มีคนสนับสนุนท่านเศรษฐาซึ่งมติพรรคมีการระบุไว้แล้ว
มีคนกลุ่มหนึ่งของพรรคให้ความสำคัญคำว่าพรรคพวกมากกว่าอุดมการณ์ของพรรค เราเห็นทิศทางในอนาคตได้เลยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะปราศจากอุดมการณ์และให้ความสำคัญกับพรรคพวก
ประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เปิดโอกาสให้มีผู้เสนอตัวเลือกตั้ง ต้องใช้การงดเว้นข้อบังคับ มีอดีตหัวหน้าพรรคเสนอให้สมาชิกให้โอกาสคนรุ่นใหม่ เพื่อเข้ามาชิงแข่งหัวหน้าพรรค แต่ที่ประชุมก็ไม่ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ ไม่มีจุดยืนที่ชัดเจนละทิ้งอุดมการณ์
ข้อสำคัญข้อสุดท้าย คนที่จะมานำพาพรรคไม่รักษาสัจจะวาจา อย่าว่าแต่เป็นหัวหน้าพรรคเลย เป็นนักการเมืองก็เป็นไม่ได้ เพราะการพูดในที่สาธารณะ เปรียบเหมือนนโยบายที่ต้องรักษา นักการเมืองที่ดีต้องพึงรักษาไม่ว่ามีเหตุจำเป็นแค่ไหน
ฉะนั้นนักการเมว่าวางมือแต่ก็ไม่รักษาสัจจะแบบนี้ มานำพรรคก็จะถูกประชาชนลงโทษในอนาคต ผมจึงถือโอกาสนี้ขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ยืนยันจะไม่ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคไหน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง