svasdssvasds

จับตา! พิจารณา “ค่าไฟ” รอบใหม่ หลัง“ก.พลังงาน” เร่งหาแนวทางใหม่ช่วยประชาชน

จับตา! พิจารณา “ค่าไฟ” รอบใหม่  หลัง“ก.พลังงาน” เร่งหาแนวทางใหม่ช่วยประชาชน

ประชาชนยังคงเฝ้าจับตาการพิจารณา “ค่าไฟ” รอบใหม่ หลัง“กระทรวงพลังงาน” เร่งหาแนวทางใหม่”เบรกมติกกพ.ก่อนหน้านี้ หวั่นกระทบประชาชน ทำเดือดร้อนต้นปี2567

เรื่องการปรับขึ้นค่าไฟของกกพ. ที่ได้ประกาศค่าเอฟที 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ค่าไฟเฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย มีผลงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 เรื่องนี้ทำเอาประชาชนร้องจ๊ากเลย ในขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลั่นขึ้นค่าไฟปีหน้า 4.68 บาทต่อหน่วยสูงเกินไป พร้อมทั้งจ่อเบรกและเรียกหารือ กกพ.อีกรอบ ในขณะที่กระทรวงพลังงาน ออกโรงเบรกทันที โดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กำชับคณะทำงาน หาแนวทางลดภาระค่าไฟประชาชน ไม่ให้เจอแรงปะทะหลังปีใหม่

ทั้งนี้จะจัดการราคาไฟฟ้าไว้ให้อยู่ที่ระดับ 4บาท/หน่วย และจะพยายามทำตัวเลขให้ลดลงได้มากที่สุด ซึ่งราคาใกล้เคียงความเป็นจริงที่กระทรวงจัดการได้ประมาณ 4.20บาท/หน่วย โดยใช้กลไกจัดการผสมผสาน หลายขั้นตอนกว่าการลดราคาค่าไฟปกติทั่วไป ไม่ได้ใช้แค่เรื่องประวิงหนี้กฟผ.อย่างเดียวอย่างไรก็ตามย้ำว่านี่คือการบริหารลดค่าครองชีพระยะสั้นให้ประชาชนเท่านั้น ทางกระทรวงพลังงานยังยืนยันการแก้ไขเชิงโครงสร้างก๊าซธรรมชาติ ต้นตอของปัญหาราคาไฟฟ้า และสนับสนุนพลังงานไฟฟ้าสะอาดระยะยาวต่อไป

 

ด้านนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน ขอชี้แจงว่า ค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นในครั้งนี้ จะอยู่ในส่วนของค่า Ft ซึ่งเกิดจากการคำนวณต้นทุนค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ที่ผ่านมา ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงหลักของค่าไฟฟ้าคือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งราคามีความผันผวนอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และในช่วงนี้ เป็นช่วงฤดูหนาวของกลุ่มประเทศตะวันตก ทำให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ราคาในตลาดโลกจึงปรับตัวสูงขึ้นตาม

ประกอบกับที่ผ่านมา ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้รับสัมปทานผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย จึงทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติลดน้อยลง จำเป็นต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น แต่คาดว่าจะสามารถกลับมาผลิตในภาวะปกติได้ในช่วงเดือนเมษายน 2567

 

ค่าไฟฟ้าที่ทาง กกพ. ปรับเพิ่มขึ้น อยู่ในส่วนของค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนไปตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า หากย้อนดูค่า Ft ในอดีตก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะพบว่า ค่า Ft ของไทยติดลบมาโดยตลอด จนกระทั่งเกิดสงคราม ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของโลก เมื่อไม่สามารถส่งออกก๊าซธรรมชาติได้ ทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อค่า Ft ที่ผ่านมา

ทั้งนี้กระทรวงพลังงาน ก็มีแผนปรับลดการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า และเพิ่มพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นพลังงานสะอาด แต่ด้วยพลังงานหมุนเวียนยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง หากนำมาใช้มากเกินไปอาจจะยิ่งกระทบต่อค่าไฟฟ้ามากขึ้น และหลังจากที่ กกพ. ประกาศค่า Ft รอบเดือนมกราคม - เมษายน 2567 หลายฝ่ายก็กังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งกับภาคประชาชนและภาคเอกชน กระทรวงพลังงานจึงเตรียมหารือกับ กกพ. เพื่อให้พิจารณาการคำนวณค่า Ft ว่าจะมีส่วนใดบ้างที่สามารถปรับลดได้เพิ่มขึ้นบ้าง

โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น มีการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งที่มีต้นทุนต่ำ  รวมทั้งจะหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อของบกลางมาช่วยเหลือเพื่อลดค่าไฟฟ้าสำหรับกลุ่มเปราะบาง พร้อมทั้งการเพิ่มการใช้พลังงานสะอาด และรณรงค์การอนุรักษ์พลังงาน ผมขอยืนยันว่า กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามบริหารจัดการค่าไฟฟ้ามาโดยตลอด แต่ด้วยสถานการณ์ด้านราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง ก็จะพยายามทางหาลดให้ได้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลดค่าไฟฟ้าให้เหลือได้ประมาณ 4.20 บาทต่อหน่วย

เรื่องค่าไฟขึ้น ค่าไฟแพง นับเป็นเรื่องใหญ่ของพี่น้องประชาชนที่ต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตปากท้องของพวกเขาเหล่านั้น !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related