ท่ามกลางสงคราม ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่ลำบาก เพราะสัตว์เลี้ยงในฉนวนกาซากำลังขาดน้ำ อาหาร และไม่รู้จะหนีไปไหนเช่นกัน
นับตั้งแต่กลุ่มฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ชาวอิสราเอลในพื้นที่ที่ถูกบุกจู่โจมต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ก่อนที่รัฐบาลอิสราเอลจะเปิดฉากโต้กลับในฉนวนกาซา ซึ่งนั่นทำให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากไร้ที่อยู่อาศัย
เมื่อมนุษย์ยังไม่มีบ้านอยู่ หรือพวกเขาต้องจากบ้านไป เหล่าสัตว์เลี้ยง ทั้งสุนัข แมว และยังมีสัตว์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ก็ถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้าน ขณะที่บางตัวก็กลายเป็นสัตว์เร่ร่อนไป เพราะเจ้าของไม่สามารถนำพวกมันไปด้วยได้ หรือเจ้าของก็จากโลกนี้ไปเสียแล้ว
มีความพยายามมากมายจากกลุ่มคนหลายกลุ่มที่จะเข้ามาช่วยเหลือสัตว์เหล่านั้น อย่างลิลลี่ เพอร์รี่ ชาวอิสราเอล เธอขับรถไปยังทางตอนเหนือของอิสราเอล เพื่อจะไปให้อาหารเหล่าสุนัข และแมวที่ถูกทิ้ง
นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา สถานการณ์ทางตอนเหนือของอิสราเอลไม่สู้ดีนัก เกิดการปะทะอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจำนวนมากถูกขอให้อพยพออกไป
เพอร์รี่เล่าว่า เธอต้องขับรถมาประมาณหนึ่งชั่วโมงจากบ้าน เพื่อมาที่นี่ หน้าที่ของเธอคือคอยให้อาหาร และดูแลพวกแมวจรจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อพยพ ที่พวกมันจะไม่มีอะไรกิน
เพอร์รี่ยอมรับว่า มันอาจจะฟังดูบ้าไปหน่อยที่จะมาพูดถึงเรื่องสัตว์ในช่วงเวลาที่เกิดสงครามแบบนี้ และผู้คนเสียชีวิต แต่กับแมวและสุนัข พวกมันก็ถูกทิ้งและกำลังตายเช่นกัน
ก่อนที่จะเกิดสงคราม การเลี้ยงสัตว์ในกาซาฟังดูเป็นเรื่องที่ยากอยู่แล้ว เนื่องจากบ้านเรือนประชาชนอยู่กันอย่างค่อนข้างแออัด เพราะมีพื้นที่จำกัด แถมยังมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนโรงพยาบาลสัตว์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีประชาชนจำนวนมากเลี้ยงสัตว์อยู่ดี
เช่นเดียวกันกับสวนสัตว์ แม้พวกเขาจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากมายจนถึงขั้นต้องดิ้นรนอย่างหนัก เพื่อให้ยังเปิดบริการได้ แต่สวนสัตว์ในกาซาบางแห่งก็พยายามจะรักษาธุรกิจเอาไว้
นามาปาร์คเป็นอีกหนึ่งสวนสัตว์ในกาซาที่เปิดให้บริการ เจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์บอกว่า ไม่ใช่แค่คนที่ถูกปิดล้อมในกาซา แต่สัตว์ก็เช่นกัน ก่อนเกิดสงคราม กาซาก็โดนปิดล้อมเป็นครั้งคราวเวลาที่เกิดความขัดแย้งขึ้น นั่นทำให้ความช่วยเหลือจากต่างชาติเข้ามาไม่ได้ ยาก็ขาดแคลน และนั่นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสัตว์
เมื่อมีสัตว์บางสายพันธุ์ล้มตายลง นั่นหมายความว่า ผู้คนในกาซาจะไม่ได้เจอสัตว์ชนิดนั้นอีก เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาลักลอบนำมันเข้ามาผ่านอุโมงค์ใต้ดินในอดีต เพราะทุกวันนี้ยากมากที่จะนำสัตว์ชนิดใหม่ๆเข้ามา อีกทั้งขาดแคลนทรัพยากรและต้องใช้เงินค่อนข้างมาก
สวนสัตว์จำนวนมากในกาซาปิดให้บริการไปนานแล้วจากปัญหาต่างๆ แต่นามาปาร์คพยายามที่จะเปิดให้ได้นานที่สุด
คนที่มาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้บอกว่า พวกเขามาเพื่อชมสัตว์ แต่แน่นอนว่า ทุกครั้งที่มา ก็จะเจอแต่สัตว์ชนิดเดิมๆ ตัวเดิมๆ ไม่เคยเปลี่ยน บางคนบอกว่า ทั้งชีวิตไม่เคยได้เห็นช้างตัวจริงเลย
มีองค์กรนอกภาครัฐหรือ NGO มากมายผุดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือสัตว์ อย่างองค์กรที่มีชื่อว่า วอร์รูมแห่งชาติเพื่อสุนัขในสงคราม หรือ National War Room for Dogs of War ที่นี่พยายามเข้าไปให้ความช่วยเหลือเจ้าของสุนัข และเหล่าสุนัขจากกาซา และทางตอนใต้
แต่เดิมแล้ว ที่นี่จะโฟกัสไปที่ประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ แต่นับตั้งแต่เกิดสงคราม พวกเขาก็เปลี่ยน มุ่งเป้าไปที่การช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายสุนัขแทน โดยเป้าหมายคือการพาสุนัขและครอบครัวได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หรือได้เจอกับบ้านที่รับอุปการะพวกมัน
ตอนนี้ พวกเขายังพยายามสร้างฐานข้อมูลสุนัขเอาไว้ สำหรับกรณีสุนัขหาย เพื่อให้ในท้ายที่สุด พวกมันได้กลับไปเจอครอบครัว
องค์การดังกล่าวยังมีอาสาสมัครจำนวนหนึ่งที่ตอนนี้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อช่วยเหลือและดูแลสุนัข โดยนับจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาได้รับคำร้องให้ช่วยเหลือสัตว์ประมาณ 200 คำร้องด้วยกัน สัตว์เลี้ยง 60 ตัวได้พบหน้าครอบครัวอีกครั้ง ขณะที่อีก 130 ตัวได้บ้านใหม่หรือถูกส่งไปอยู่ในบ้านสุนัขของเอกชน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่หมาและแมวเท่านั้นที่ต้องการความช่วยเหลือ เพราะสัตว์ในสวนสัตว์หรือในฟาร์มก็ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าสงครามจะยุติโดยเร็ว เพราะไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็คงอยากให้สัตว์เหล่านี้อยู่รอดปลอดภัย จากสงครามที่พวกมันไม่ได้ก่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
4 พ.ย. 1995 ยิตซัก ราบิน อดีตนายกฯอิสราเอล เคยได้โนเบลสันติภาพ ถูกลอบสังหาร
อิสราเอลกำลังทำสงครามทั้งภายในและภายนอก มากถึง 7 แนวรบ!
IDF เผยแพร่ภาพวิดีโอเหตุการณ์ การเปิดฉากบุกภาคพื้นดิน ในเขตฉนวนกาซา