"สุทิน" ล้มเรือดำน้ำ ถอยเรือฟริเกตจีนทดแทน ไม่ต้องเจียดงบเพิ่ม ดึงเงินสร้างอู่เรือดำน้ำมาโปะ ชี้หากเดินหน้าต่อหวั่นถูกฟ้อง เพราะกระแสสังคมบีบ รอให้พร้อมค่อยจัดหา ย้ำไม่เกี่ยวนโยบาย "เพื่อไทย" จ้องล้มโครงการ เผยจีนรับหลักการแล้ว แต่ไม่100%
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ ว่า มาตรวจเยี่ยมตามธรรมเนียมปฏิบัติ ได้รับการตอบรับ ที่อบอุ่น เหมาะสม และได้มาทราบภารกิจของกองทัพเรือหลายอย่าง นอกจากนี้ยังทราบว่ากองทัพเรือได้นำนโยบายของรัฐบาลมาปฏิบัติคืบหน้าไปไกลแล้ว ก็ได้ชื่นชมและขอบคุณกองทัพเรือ ซึ่งหลายเรื่องกองทัพก็ทำอยู่
นายสุทิน ยังระบุถึงปัญหาเรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์ ว่า ปัญหาที่เกิดทางเราพยายามแก้ปัญหาร่วมกันมาตลอด ทั้งกระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ และรัฐบาล พยายามแก้ไขปัญหามา สิ่งที่เราอยากได้คือเครื่องยนต์ตามข้อตกลงเดิม ซึ่งกองทัพเรือ ในยุค ผบ.ทร คนก่อน ก็ทำสุดกำลัง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อไม่ได้ก็มาคุยกัน กองทัพเรือพยายามจะหาทางออกและได้ข้อสรุปว่า จะเดินหน้าและรับเครื่องยนต์ของจีน และได้ทำบันทึกเสนอมาที่กระทรวงกลาโหมระหว่างนั้นทางเราได้พยายามศึกษาหาความรู้และหารือกันว่า ทบทวนแนวทางใหม่ เพราะเรายึดหลักว่าการหาทางใด
ก่อนหน้านั้นผบ.ทร.คนก่อน และคณะผู้บริหารระดับสูงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าตามแนวทางเดิม และพยายามที่จะอธิบาย กับรัฐบาลเต็มที่ พูดง่ายๆคือท่านไม่ยอมง่ายๆ และขอให้รัฐบาลพยายามให้ได้เครื่องยนต์นั้น ท่านนายกฯ รับปาก ไปเจรจาก็ไม่เป็นผล จึงมาสู่แนวทางว่าถ้าไม่สามารถที่จะให้เครื่องยนต์ตามข้อตกลงตามสเปคนั้นแล้ว กองทัพเรือจึง ขอ 2 แนวทางคือ
ซึ่งตนและรัฐบาลพิจารณาแล้วว่า ขอเลือกแนวทางที่ 1 คือเรือฟริเกต ที่ราคาสูงกว่าเรือดำน้ำ 1,000 ล้านบาท โดยเห็นงบประมาณที่มาโปะคือ นำเงินการสร้างอู่เรือดำน้ำ ระยะที่3 ที่ยังไม่ทำสัญญา ซึ่งจะไม่กระทบงบประมาณ
นายสุทิน กล่าวต่อว่า รัฐบาลเห็นว่า เมื่อได้เรือฟริเกตมาก็สามารถปราบเรือดำน้ำได้ สมรรถนะของกองทัพเรือไม่เสียหายมาก แต่ยอมรับว่าหย่อนลงไปกว่าการมีเรือดำน้ำนิดนึง ซึ่งกองทัพเรือรับได้
ทั้งนี้ ระหว่างที่ตนเดินทางไปประเทศจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรี ก็นำไปคุยกับรัฐบาลจีน แต่ยังไม่จบ 100% เพราะมีรายละเอียดต้องพูดคุย แต่ได้ข้อสรุปว่าทางการจีนก็เข้าใจ ว่าเรื่องนี้เป็นความลำบากใจของไทย และจีนขอความเห็นใจเช่นกันว่าเขาถูกเบี้ยวเรื่องเครื่องยนต์ ดังนั้นต่างคนต่างเห็นใจกันและยินดีที่จะหาทางออกให้ ซึ่งจีนรับแนวทางที่เราเสนอไปพิจารณา ซึ่งการเปลี่ยนเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกต ต้องมีรายละเอียดที่ต้องพูดคุย เช่น เงินจ่ายไปแล้วทำอย่างไร หรือเทคโนโลยีอื่นๆมีเงื่อนไขอะไร จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา รวมทั้งข้อกฎหมายต้องคุยกันต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า สรุปเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตจีน ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เราเสนอไปอย่างนี้ว่าขอเป็นเรือฟริเกตจริง แต่โครงการเรือดำน้ำไม่ยกเลิก ไม่พับ ไม่ระงับ โดยให้ชะลอระยะหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ให้เสร็จ วันใดที่ประเทศมีความพร้อมก็ทำเรื่องนี้ต่อ
เมื่อถามว่า เราเลิกสัญญากับจีนหรือไม่ หรือเรือดำน้ำครึ่งลำที่ต่อไปแล้วก็รอไปก่อน นายสุทิน ย้ำว่า ไม่ใช่การยกเลิกสัญญา แต่เป็นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ ก็คือภายใต้ข้อตกลงเดิมจีทูจี รัฐบาลไทยและจีน ถ้าบรรลุก็คือให้ระงับเรื่องเรือดำน้ำ แล้วมาเขียนข้อตกลงขึ้นใหม่ว่าจะเอาเรือฟริเกต / ส่วนเรือดำน้ำจีนก็คงเอาไปทางอื่น ก็เป็นความรับผิดชอบที่จีนจะไปทำอะไรก็แล้วแต่ / ส่วนเงินที่ไทยจ่ายไปแล้ว ไทยเสนอว่าขอให้เป็นเคลมเป็นค่าเรือฟรีเกต ราว 7 พันล้านบาท เมื่อหักลบกับที่ยังไม่ได้จ่าย อีก 6 พันล้านบาท อาจจะต้องเพิ่มอีก 1 พันล้านบาท ส่วนราคารวมของเรือฟริเกตลำใหม่นี้ ทางจีนยังไม่ได้พูดถึง แต่จากการศึกษาอยู่ที่ประมาณ 17,000 ล้าน ก็ใกล้เคียงกัน จากนี้ต้องไปพูดในรายละเอียด
เมื่อถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่จะเปลี่ยน เรือดำน้ำไปเป็นเจ้าอื่นที่ไม่ใช่จีน ในเมื่อชะลอและระงับไปแล้ว นายสุทิน กล่าวว่า มันก็จะยุ่งยากหน่อย เพราะเป็นข้อตกลง และก็จ่ายเงินไปแล้ว หรือถ้าจะเอาเจ้าอื่นก็คงเป็นรอบใหม่ ซึ่งยังไม่ระงับ แต่รอบนี้ ขอเป็นเรือฟริเกตก่อน โดยจะมีการพูดคุยกับจีนอีกครั้งในเร็วๆ นี้ ก่อนที่จะครบสัญญาประมาณเดือนพฤศจิกายน อาจเป็นสัปดาห์หน้า โดยจะส่งคณะทำงานไปเจรจา
นายสุทิน ยอมรับด้วยว่า ประธานาธิบดีจีน และนายกฯจีน โอเคในหลักการนี้ ว่าจะหาทางออกร่วมกัน
เมื่อถามว่า โอกาสที่กองทัพเรือจะมีเรือดำน้ำ แทบจะไม่มีใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า มี แต่เป็นระยะต่อไป เพราะเรายังไม่ได้ระงับ แต่สำหรับลำนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก ส่วนเรือดำน้ำลำใหม่จะเป็นของจีนเหมือนเดิมหรือเป็นของประเทศอื่น ยังไม่มีความชัดเจน และการจัดหาใหม่อาจจะทันในสมัยตน ถ้ายังอยู่ภายใน 4 ปี
"ชะลอโครงการไปก่อน แต่ไม่ใช่ระงับ และให้กองทัพเรือศึกษาเรื่องนี้ต่อไป ว่าจะเอาของประเทศใด"
เมื่อถามว่า มีอะไรรับประกันว่ากองทัพเรือจะได้เรือดำน้ำ นายสุทิน กล่าวว่า หลักประกันก็คือนโยบายของรัฐบาล ส่วนที่เคยพยายามมาหลายรอบแล้วแต่ไม่สำเร็จนั้น ไม่ได้เกิดจากที่รัฐบาลไม่อนุมัติให้ แต่เกิดจากข้อผิดพลาดของฝ่ายอื่น ที่ทำให้เราเดินไม่ถึงจุดหมาย ส่วนทางจีนก็แสดงความเห็นใจคือรับผิดชอบ หาทางออกให้ ได้รับสิ่งทดแทน ซึ่งการจัดซื้อโครงการนี้เป็นจีทูจี หากทำตามสัญญาไม่ได้ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เมื่อถามย้ำว่า เรือดำน้ำไม่โผล่ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเหตุสุดวิสัย
เมื่อถามว่า กองทัพเรือ เป็นผู้ปฏิบัติ รับได้ในเครื่องรถยนต์จีน ทำไมระดับรัฐบาลถึงรับไม่ได้ นายสุทิน ย้อนถามกลับว่า แล้วสังคมรับได้หรือไม่ เราต้องดูสังคมด้วย
เมื่อถามว่า ต่อไปกองทัพเรือจะซื้ออะไรต้องดูกระแสสังคมก่อนใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องไปพิจารณาหากใช้เม็ดเงินไม่คุ้ม หรือเสียประโยชน์
เมื่อถามย้ำว่า หากฟังกระแสสังคมมากเกินไปจะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เราไม่ได้เอาเรื่องสังคมไปเป็นประเด็นหลัก แต่เรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์ทางกองทัพเรือเองก็กังวล เพราะเครื่องยนต์จีนเราไม่เคยใช้ ที่อื่นก็ไม่เคยใช้ และยอมรับว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมายด้วยที่ปฏิบัติยาก
"ถ้ารับเครื่องยนต์จีนมา ใครจะรับประกันหากเรื่องถึงศาล จะมีเรื่องตามมาอีกเยอะ กองทัพหรือรัฐบาลอาจจะโดน ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นแก่ตัว กลัวโดนหลอก แต่จะยุ่งยากทางกฎหมายไม่น้อย จะนำมาซึ่งความแตกแยก หรือเกิดการเมืองอะไรไปอีก กระทบอีกเยอะ"
เมื่อถามว่า เป็นเพราะรัฐบาลเพื่อไทยเคยประกาศว่าหากได้เป็นรัฐบาลจะล้มโครงการนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะหากจีนสามารถหาเครื่องยนต์เยอรมันมาใส่ให้ได้ เราก็ยังรอ แต่ถ้าไม่ได้ก็เอาเรือฟริเกต
เมื่อถามว่า พาดหัวข่าว บิ๊กทินจมเรือดำน้ำ ใช่หรือไม่ นายสุทิน หัวเราะพร้อมกับระบุว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่เป็นความเห็นทุกระดับ ซึ่งเราก็เห็นใจกองทัพเรือ และไม่คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอาถรรพ์ แต่เป็นเรื่องดำเนินการยาก ไม่ง่ายเหมือนตอนซื้ออย่างอื่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง