svasdssvasds

คืบหน้าคดีกำนันนก จ่อแจ้งตำรวจ 15 นาย ผิด ม.157 ยันผู้กำกับเบิ้มพ้นผิด

คืบหน้าคดีกำนันนก จ่อแจ้งตำรวจ 15 นาย ผิด ม.157 ยันผู้กำกับเบิ้มพ้นผิด

ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงคืบหน้าคดีกำนันนก เตรียมดำเนินคดีกับตำรวจอีก 15 ราย ร่วมงานเลี้ยง "กำนันนก" ผิด ม.157 ชี้ "ผกก.เบิ้ม" พ้นผิด อยู่ในกลุ่มให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันทีขณะเกิดเหตุ ไปโรงพยาบาลโดยทันที ไม่มีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

วันที่ 26 ก.ย.2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

แถลงความคืบหน้าทางคดีกำนันนก

จากกรณี นายธนัญชัย อายุ 45 ปี หรือ "หน่อง ท่าผา" ลูกน้องคนสนิท นายประวีณ หรือ กำนันนก ใช้
อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สว.ศิว สว.ส.ทล. 1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิต และ พ.ต.ท.วศิน รอง ผกก.2 บก.ทล.ได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม เมื่อช่วงดีกวันที่ 6 ก.ย.66 ต่อมา  ศาลได้ออกหมายจับนายธนัญชัย ฯ ในความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น" และออกหมายจับ นายประวีณ ในความผิดฐาน "เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น"

ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นแล้วว่า เป็นคดีที่เกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล เป็นคดีอุกฉกรรจ์ เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และในวันที่ 7 ก.ย.66 กองบังคับการปราบปราม ได้รับโอนสำนวนคดีฆ่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีอิทธิพลหรือคนที่เกี่ยวข้อง เข้ามาแทรกแซงได้ในเรื่องนี้

จากการสืบสวนพบว่า มีข้าราชการตำรวจ 6 คน ที่ไปร่วมงานวันเกิดเหตุ ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเว้น
การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และซุกซ่อนทำลายพยานหลักฐาน เมื่อวันที่ 9 ก.ย.66 จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตำรวจ 6 คนดังกล่าว กองบังคับการปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ทั้งคดีฆ่า และคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ป.อาญา มาตรา 157) ล้วนเป็นเหตุการณ์เดียวกัน

ต่อมาวันที่ 14 ก.ย.66 ทางชุดคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้โอนสำนวนการสอบสวนมาที่กองบังคับการปราบปรามให้มีอำนาจสอบสวนฝ่ายเดียว ซึ่งในวันที่ 18 ก.ย.66 ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้แถลงข่าวไขข้อสงสัยในประเด็นการโอนสำนวน, สำนวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในที่เกิด

เหตุกระทำความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157, แนวทางการสืบสวนและการทำงาน และแถลงความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ให้แก่สื่อมวลชน

ลังจากที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้มีการเร่งรัดประชุมหารือกับทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ได้ช้อเท็จจริงที่เป็นไปตามข้อกฎหมายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ในวันนี้ (26 ก.ย.2566)จึงขอแจ้งความคืบหน้าทางคดีดังนี้

  • กำนันนก เข้ามอบตัววันที่ 7 กย66 ฝากขังที่ศาลอาญา เมื่อวันที่ 9 ก.ย.66 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการฝากขังครั้งที่ 2
  • เจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 9 ก.ย.66 ถูกนำตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 โอนการฝากขังและโอนตัวผู้ต้องหาไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางและเรือนจำพิเศษสมุทรสงคราม ได้ย้ยตัวผู้ต้องหามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.66 ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการฝากขังครั้งที่ 2
  • ประเด็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 กรณีมีภาพข่าวที่ปรากฎมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหลายนาย ไปร่วมงานในวันเกิดเหตุ ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ตรวจสอบแล้วพบว่า ในวันเกิดเหตุมีข้าราชการตำรวจ ไปร่วมงาน จำนวน 29 คน ได้ร่วมกันพิจารณาข้อเท็จจริง ประกอบพยานหลักฐานแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
  1. กลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 คน
  2. กลุ่มที่ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา มีจำนวน 6 คน ซึ่งถูกออกหมายจับดำเนินคดีและนำตัวไปฝากขังแล้วก่อนหน้านี้
  3. กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันทีขณะเกิดเหตุ จำนวน 6 คน
  4. กลุ่มที่มีพฤติการณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 15 คน
  • หลังจากเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 11 ก.ย.66 พ.ต.อ.วชิรา หรือ ผกก.เบิ้ม ได้มีการใช้อาวุธปืนปลิดชีพตนเอง ในบ้านพักย่าน อ.คูคต จ.ปทุมธานี จึงเป็นประเด็นที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ ว่าประเด็นการเสียชีวิต ดังกล่าวมีส่วนเชื่อมโยงในคดีนี้อย่างไร จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า พ.ต.อ.วชิราฯ อยู่ในกลุ่มให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยทันทีขณะเกิดเหตุ โดยหลังเกิดเหตุได้เร่งรีบนำตัว พ.ต.ต.ศิวกรฯ และ พ.ต.ท.วศินฯ ไปโรงพยาบาลเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องโดยทันที ไม่เข้าช่ายเป็นความผิด เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล ไม่มีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
  • เรื่องคดีการฮั้วประมูลของกำนันนก ปัจจุบัน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (C(IB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป. ได้ทำการสืบสวนสอบสวนคู่ขนานกันไปกับทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), ชุดทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวช้อง และหากพบการกระทำความผิดก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายโดยในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข่ายความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 ทั้ง 15 ราย คณะพนักงานสอบสวนสืบสวน จะเรียกเข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งข้อหาให้ทราบ โดยจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related