"บิ๊กโจ๊ก" สอบเครียด 6 ตำรวจเอี่ยวยิง "สารวัตรทางหลวง" เดือดซัดสุดชั่วทำตัวเป็นเบ๊ "กำนันนก" ลั่นมีออกหมายจับเพิ่มแน่ พบ 4 ลูกน้อง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ช่วยคนร้ายฆ่าหัวหน้า ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร-นครปฐม ให้ตำรวจใต้บังคับบัญชาเอี่ยวคดี ออกจากราชการ
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุ ยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง เสียชีวิตในบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม แล้วปรากฏภาพของตำรวจ 25 นายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ในที่เกิดเหตุ จนเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน โดยประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชุดทำงานตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นาย มาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.
ผบ.ตร. ย้ำว่าต้องตรวจสอบสาเหตุ ความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่มีการปล่อยให้ผู้กระทำผิดได้หลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล รวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบทุกมิติ หากพบว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความผิดอาญา หรือวินัย ให้ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ล่าสุดศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 6 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ต้องหาและทำลายพยานหลักฐาน จากเหคุคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกํากับการ 2 กองบังคับการตํารวจทางหลวง เสียชีวิตที่บ้านนายประวีณ จันทร์คล้ายก่อ หรือกำนันนก
ศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับตำรวจ รวม 6 นาย ประกอบด้วย
1. พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ สมสุข อายุ 52 ปี สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร กระทำความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต , เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมีใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม"
2. ร.ต.อ ณรงศักดิ์ แตงอำไพ อายุ 58 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
3. ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล อายุ 57 ปี รอง สว.จร.สภ.เมืองนครปฐม ข้อหา กระทำความผิดฐาน "เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยทุจริต ,เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมีใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม"
4. ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร อายุ 59 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการ กระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
5. ร.ต.ท.ประสาร รอดผล อายุ 58 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะช่วยผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษ น้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ช่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการ กระทำความผิด ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลทุโทษ เพื่อไมให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
6. ร.ต.ต.สรรเสริฐ ศรีสวัสดิ์อายุ 55 ปี บก.ทล. ข้อหา กระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ทั้งนี้ เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ( 9 ก.ย. 2566) “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาตรวจสอบ การนำตัว 6 นายตำรวจที่ถูกออกหมายจับตกเป็นผู้ต้องหา ไปฝากขังที่ สภ.เมืองนครปฐม เรียบร้อยแล้ว และมีคำสั่งจาก สำนักงานตำรวจภาค 7 ให้ออกจากราชการไว้รอแล้ว ส่วนตำรวจทางหลวงนั้นจะต้องรอให้ต้นสังกัดพิจารณา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า สำหรับการออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 6 นาย คือชุดที่ปรากฏชัดเจนว่า มีส่วนเกี่ยวกับการซ่อนทั้งปืน และเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพบางส่วน แต่การรับสารภาพหรือไม่รับ ไม่ใช่ประเด็น โดยศาลเชื่อในพยานหลักฐาน เริ่มจากมีการดึงปืนออกจากตัวนายหน่อง และพานายหน่องและกำนันนกหลบหนี เป็นพฤติกรรมชัดเจนตามข้อหา ซึ่งในประเด็นที่มีการจับตัวนายหน่องไว้แล้ว แต่ก็มีการปล่อยตัวไป ซึ่งถือว่าแย่ทั้ง 20 กว่าคน ซึ่งมีพยานส่วนไหนก็ออกหมายจับไปก่อน
บิ๊กโจ๊ก กล่าวว่า วันนี้ถ้าไม่มีตำรวจไปช่วยเหลือ การทำลายสถานที่เกิดเหตุ การเก็บวัตถุพยาน คนอย่างกำนันนกไม่ได้จบอะไรมาเลย ไม่มีความรู้อะไรเลย จะทำได้อย่างไร และเรื่องการอารักขา รวมถึงที่รองสารวัตรจราจร ได้นำอาวุธปืนไปให้กำนันนกใช้ และนำไปส่งต่อให้นายหน่องใช้ และไม่ได้โอนชื่อ และตัวยังเอารถของกำนันนก ไปซ่อนที่บ้านอีกหลังหนึ่ง
พฤติกรรมชั่วๆ แบบนี้ ต้องปราบให้หมด และตำรวจทำตัวไปเป็นลูกน้องเขา ซึ่งคนเหล่านี้ ที่เกิดขึ้นมาได้ เพราะตำรวจไปเป็นเบ๊ให้เขา และบางคนอยู่ตั้งแต่ตนเองเป็นร้อยตำรวจเอกที่นี่ ก็ต้องเอาซะที ส่วนชุดนี้มีตำรวจที่พาหลบหนีด้วย และมีส่วนอื่นอีก ซึ่งส่วนอื่นอีกที่มีหลักฐานครบถ้วนอยู่แล้วด้วย
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า นายหน่องไม่ได้มีปัญหาโกรธเคืองกับสารวัตรมาก่อน ซึ่งมีลักษณะบอกให้นายหน่องทำ ซึ่งต้องแยกกันออกมา โดยในส่วนตำรวจที่อยู่ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีคำสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งไว้แล้ว ในส่วนของตำรวจทางหลวง ก็จะเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการสอบสวนกลาง ที่จะมีการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการพิจารณาเช่นเดียวกัน
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.และผู้บังคับบัญชาได้มีการรสั่งการชัดเจน ซึ่งตำรวจมีทั้งหมด 2 แสนกว่านาย แน่นอนต้องมีคนดีมากกว่าคนไม่ดี คนไม่ดีก็ต้องไม่เลี้ยงไว้ และปฏิบัติเหมือนผู้ต้องหารายทั่วไป และต้องกำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับว่า ต้องไปกำชับลูกน้องตัวเอง ต้องไม่ไปเดินตามนักการเมือง และผู้มีอิทธิพล และตำรวจที่เป็นระดับผู้กำกับ ที่จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาว่า เขาประสิทธิประสาทวิชามาให้แล้ว แต่กลับมาเดินตามนักการเมือง ซึ่งไม่มีความรู้อะไรเลย
ด้าน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาครและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้มีหนังสือคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงพันตำรวจตรีศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกํากับการ 2 กองบังคับการตํารวจทางหลวง เสียชีวิตที่บ้านนายประวีณ จันทร์คล้ายก่อ หรือกำนันนก ให้ออกจากราชการไว้ก่อนจำนวน 2 นาย คือ
เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนโดยต้องหาคดีอาญา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้นพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษหรือถูกจับกุม โดยให้ตำรวจทั้ง 2 นายออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อรอฟังผลสอบสวนพิจารณาทางวินัย คำสั่งมีผลตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนเป็นต้นไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• เปิดขุมทรัพย์ "กำนันนก" ทำธุรกิจรับเหมา 5 ปี รวยอู้ฟู่ รายได้ 2,300 ล้าน
• พยานเล่าเหตุการณ์ ‘กำนันนก’ ฉุน สารวัตรศิวกร ก่อน หน่อง ท่าผา ลงมือยิงตำรวจ