“เพื่อไทย” ขอลืมอดีตแคมเปญหาเสียง “ไล่หนูตีงูเห่า” บอกแค่เทคนิคเรียกคะแนน แต่ไม่เคยศัตรูกัน คาด สัปดาห์นี้ชัดดึงพรรคใดร่วม ส่วนพรรค 2 ลุง โยนดูคำแถลงการณ์ ไม่ปิดประตูหากบุคคลใดร่วมหนุนโหวตนายกฯ ด้าน “อนุทิน” ลั่น ถอนฟ้องแล้วครับ ปม “เศรษฐา” ปราศรัยโจมตี กัญชาเสรี
ที่พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทย นำโดย หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ แถลงข่าวร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล
ในช่วงหลังแถลงข่าว ถ้ามีโอกาสเปิดให้สื่อมวลชนซักถาม โดยผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีพรรคไหนมาร่วมบ้างและมีเงื่อนไขอะไรอีกหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า วันนี้เป็นการเริ่มต้นระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย เป็นสารตั้งต้นที่มีความเข้มแข็ง หลังจากนี้จะมีการเชิญและเข้าหาพรรคการเมืองคนอื่นๆ ที่เป็นพรรคร่วมฯ ในสัปดาห์นี้ จะมีการพบปะทั้งหมด ส่วนเงื่อนไขนั้น เป็นในส่วนที่เรามีการแถลงไปแล้ว
เมื่อถามถึงส่วนที่บอกว่าจะไม่มี 188 เสียง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่มีนโยบายหรือความตั้งใจที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะนี้รวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เพื่อสร้างความมั่นคงเต็มที่ และสิ่งที่เราเรียกร้องขณะนี้คือทุกพรรคการเมือง ทุกกลุ่ม ทุกคนสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ โดยไม่เกี่ยวกับการจะตั้งรัฐบาล และในช่วงสัปดาห์นี้จะได้เห็นภาพบรรยากาศการร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
แถลงจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย-ภูมิใจไทย รวม 212 เสียง เดินหน้าหาพรรคร่วม
เปิด 3 สูตร จัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทย หลังพิธา ไม่ได้นั่งนายกฯ ก้าวไกลยอมถอย
ช่อ พรรณิการ์ ลั่น ข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่อุบัติเหตุ เกิดจากความตั้งใจ
จากนั้น นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า คำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่มีนโยบายร่วมจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่มีความมั่นคง ไม่มีประโยชน์ คำว่า 188 เสียง จึงไม่มีในสมการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าจะเป็นรัฐบาลสมานฉันท์หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เหตุการณ์ ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะวิกฤติรัฐธรรมนูญที่ทำให้พวกเราทำตามเจตนารมย์ของพี่น้องประชาชนหรือสิ่งที่เราคาดหวังมุ่งหวังได้ มันติดไปทุกด้าน ดังนั้น การที่เรามาหันหน้าเข้าหากันมาช่วยกันในการที่จะจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ตนคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ทำให้นายภูมิธรรม ย้ำเพิ่มเติมว่า ในแถลงการณ์ระบุชัดเจน วิกฤติปัจจุบันของประเทศ มีทั้งวิกฤติรัฐธรรมนูญ วิกฤติเรื่องเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเผชิญ วิกฤติทางสังคมเรื่องความขัดแย้งในสังคม เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้มีภารกิจสำคัญ 3 ด้านหลักที่จะต้องเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหา ซึ่งจะเป็นการที่ทุกฝ่ายเข้ามาคลี่คลายปัญหาประเทศ ถ้าครั้งนี้ทำได้สำเร็จก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่ว่าจะสำเร็จระดับไหนก็ตาม ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
เมื่อถามว่า การจับมือกับพรรคเพื่อไทยจะมีพรรคลุงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรามีเพียง 3 เงื่อนไข ส่วนอื่นเป็นดุลยพินิจของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่นอกเหนือจาก 3 ประการ เราคงไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า การร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะจับมือกันจนกว่าจะได้นายกฯ ไม่มีการเปลี่ยนขั้วแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง เพื่อประเทศชาติ การพูดอะไรผูกมัดเกินไปอาจทำให้เกิดทางตัน วันนี้เอาบ้านเมืองเป็นหลัก เชื่อว่าจะเดินไปได้
เมื่อถามย้ำว่าจะจับมือกับพรรค 2 ลุงด้วย และผลักพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ต้องตอบตามที่เราแถลงไป ในแถลงบอกชัดเจนว่าไม่มี 2 ลุง ก็ไม่มี 2 ลุง แต่เราไม่ปฏิเสธเงื่อนไขที่ว่าไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ลักษณะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเข้ามาสนับสนุนในการเลือกนายกรัฐมนตรี อันนี้ขึ้นอยู่กับเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ส่วนจะมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ เราบอกชัดอยู่แล้ว
จากนั้น นายภูมิธรรม ตอบแทนว่า เราได้เรียนแล้วว่าหลังจากนี้ไปเราเริ่มต้นที่พรรคการเมืองต่างๆซึ่ง ในสัปดาห์นี้จะได้เห็นว่าเราจะดึงใครเข้ามาร่วมรัฐบาลบ้าง ในแถลงการณ์เราไม่ได้ปิดกั้นสมาชิกที่เป็นรายบุคคล ไม่ว่าจะจากพรรคการเมืองฝั่งไหนสามารถร่วมสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้ ส่วนกรณีหลังจากนี้พรรคไหนจะเข้ามาได้จะได้เห็นกันทั้งสัปดาห์
นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรายังไม่ได้ลงลึกถึงกระทรวงว่าจะแบ่งกันอย่างไร ตอนนี้เป็นการจัดตั้งรัฐบาลเบื้องต้น อาจจะแปลก แต่เราไม่ได้เริ่มต้นจากกระทรวง ภายใต้สถานการณ์การเมืองแบบนี้ วิกฤติแบบนี้มีความจำเป็นจริงๆที่ทุกคนจะต้องหันหน้ามาหากัน
ส่วนในช่วงหาเสียงพรรคเพื่อไทยได้ชูแคมเปญ “ไล่หนูตีงูเห่า” นั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ในการหาเสียงอาจจะมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง เป็นภาพรณรงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งเสียงสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นเทคนิค แต่พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดว่าใครเป็นศัตรู แต่เป็นเพียงคู่แข่งเท่านั้น
หลังจากเลือกตั้งจบก็เป็นภารกิจในการหาเสียงสนับสนุนเพื่อจัดตั้งรัฐบาล และขณะนี้ยังไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเรื่องการแบ่งกระทรวง เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เอากระทรวงมาเป็นตัวตั้ง แต่ยึดประโยชน์ประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากเราเอาแต่มัวมาดูรายละเอียด ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกอกถูกใจ ก็จะไปไม่ได้ ตนคิดว่าสิ่งที่กระทบกระทั่งกันก็คือเรื่องของประเด็นธรรมดา
นายแพทย์ชลน่าน ยังยืนยันว่า ขณะนี้ยังเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามที่เคยแถลงการณ์ไปก่อนหน้านี้
เมื่อถามว่าหากคนจากพรรครวมไทยสร้างชาติมารวมกับพรรคภูมิใจไทย สามารถจับมือกับคนเหล่านี้ในนามของพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เรามี 71 คน มาบวกกับ 141 เป็น 212 ก็มีเท่านี้ ตั้งเป้าไว้ว่ามา 71 คน
เมื่อถามว่าเสียงสภาล่างที่บอกว่าเกินกึ่งหนึ่งมีจำนวนเท่าไหร่ นายภูมิธรรม ย้ำว่า จะเห็นค่อยๆเพิ่มทีละพรรคการเมือง เป็นสิ่งที่เราให้ความมั่นใจได้ ส่วนสภาบน หากรู้เสียงวันนี้ก็สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ได้เลย ยืนยันว่าเรามีแนวโน้มที่ดีในการทำความเข้าใจกับทุกส่วน
นายแพทย์ชลน่าน ย้ำต่อว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ซึ่งจะมีกระบวนการทำประชามติ หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการ สสร.บวกเข้าไป เพื่อยกร่างเข้าสู่สภา ซึ่งจะไม่ต่ำกว่า 2 ปี
นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญมีข้อจำกัด ไม่ได้ยึดเสียงประชาชนเป็นหลัก เนื่องจากมี สว. มาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ทำให้เป็นเงื่อนไขหลักในการตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลไม่ได้ เพราะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส. และ สว. ที่ตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ในการจัดตั้งรัฐบาล
ดังนั้น การจับมือกับพรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นอันดับที่ 3 ไม่ได้ถูกแต่งตั้งมา ดังนั้น เสียงจากพรรคภูมิใจไทย และเสียงจากพรรคการเมืองอื่นเกินกึ่งหนึ่งถือเป็นความชอบธรรมในการตั้งรัฐบาล และเชื่อว่าโอกาสในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่า
นายภูมิธรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า การสลายข้อกังวลเรื่อง 188 เสียง คือ การไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย จากนี้ไปทั้งสัปดาห์จะได้เห็นภาพการร่วมมือกันของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นเพิ่มเติม ซึ่งในคำแถลงการณ์ไม่ได้จำกัดบุคคลเข้ามาร่วมรัฐบาล และการตั้งรัฐบาลในภาวะวิกฤติเช่นนี้ คือ ต้องหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด แต่ก็คำนึงถึงเสียงและความรู้สึกของประชาชนไปด้วย
แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเป็นจริง และการตั้งรัฐบาลเพื่อฝ่าวิกฤติไปให้ได้ ถือเป็นสิ่งที่ควรมอง ซึ่งในขณะนี้เราพยายามทำบนเงื่อนไขที่ประชาชนต้องการ และความเป็นจริงของการเมืองไทยที่เป็นอยู่ การจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เริ่มต้นด้วยพรรคการเมืองที่มาจากประชาชน ซึ่งเริ่มต้นด้วยการทำให้รู้สึก ว่า การร่วมมือกับพรรคภูมิใจไทย ที่มี 212 เสียง นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นไปได้ เมื่อเราตัดสินใจอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนที่เลือกมา
นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า การจะมีพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือพรรคพลังประชารัฐมาร่วมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีเงื่อนไขเพียง 3 ข้อที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนจะจับมือกันทำงานจนสุดทางหรือไม่นั้น พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อบ้านเมือง หากจะไปพูดอะไรที่มัดตัวเองก็จะเป็นปัญหาภายหลัง
เมื่อถามว่า ได้มีการถอนฟ้องกรณีพรรคภูมิใจไทย ฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน กรณีที่ปราศรัยโจมตีนโยบายกัญชาว่ามอมเมาประชาชน นายอนุทิน กล่าวว่า “ถอนไปแล้วครับ”
ภายหลังการแถลงข่าวแล้วให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายแพทย์ชลน่าน ได้กล่าวติดตลกกับสื่อมวลชนว่าขอให้ระวังตัวเอง เนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุม เดินทางมาหน้าที่ทำการพรรคเพื่อไทย