สัญญาณที่น่ากังวลของ First Republic ธนาคารอันดับสองของสหรัฐ เสี่ยงล้มตาม Silicon Valley และ Credit Suisse รวมทั้งต้องจับตามองทางการสหรัฐจะแก้ปัญหานี้อย่างไรไม่ให้ลุกลามหนักและส่งผลถึงประเทศอื่นๆ
บลูมเบิร์กได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ First Republic กับความล้มเหลวของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐกำลังเจอศึกหนักคล้ายกับเคสของ Silicon Valley ที่เรียกว่าอาจจะกลายเป็นความล้มเหลวของ FDIC ที่ใหญ่ที่สุดในศตวรรษ
ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ของธุรกิจธนาคารเรียงหน้ากันมาจนต้องจับตามองให้ดี เพราะปัญหาของ Silicon Valley เพิ่งผ่านมาเพียงเดือนกว่าเท่านั้น ก็เจอปัญหาการควบรวมกิจการของ Credit Suisses จนมาถึงกรณีของ First Republic ธนาคารที่ให้บริการแก่ลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศที่ตั้งอยู่ในแคลิฟอร์เนีย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง First Republic เจอลูกค้าถอนเงินออกจำนวนมาก มูลค่ากว่า 1.02 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ถือว่าเกินครึ่งของบัญชีเงินฝากที่มีอยู่ 1.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ช่วงสิ้นปี 65) ร่วมกับราคาสินทรัพย์ที่ลดลง ทำให้ธนาคารต้องทำตามข้อเสนอของ JP Morgan ในการยินยอมให้เข้าครอบครองสินทรัพย์ของธนาคาร รวมถึงเงินกู้จำนวน 173,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และหลักทรัพย์ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินฝาก 92,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากเจรจาเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ยืดเยื้อมานานหลายสัปดาห์
สะท้อนให้เห็นว่าผู้ฝากเงินอาจมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในครั้งนี้ จึงถอนเงินออกไปก่อน แม้ธนาคารใหญ่ของสหรัฐจะช่วยกันเพิ่มเงินให้ 3 หมื่นล้านเหรียญได้มั่นใจว่ามีเงินในคลังบัญชีเพียงพอ แต่กลับไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นได้
ทางด้านสินทรัพย์ของ First Republic นั้น อยู่ที่ 229 พันล้านเหรียญสหรัฐ รองจาก Washington Mutual Inc. ที่มีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ 307 พันล้านเหรียญสหรัฐ (สำรวจเมื่อวันที่ 13 เม.ย.66)
ด้าน กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาประเทศ การเงิน และตลาดทุน ได้แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
ยากที่จะรอด !!! ภายในเร็วๆ นี้ คงมีคำตอบว่าแบงค์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของสหรัฐ จะจบลงอย่างไร
เพราะสัญญาณต่างๆ ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่ายากที่จะเดินต่อความเชื่อมั่นในแบงค์ได้หมดลงแล้ว โดยผู้ถือหุ้นได้เห็นตัวอย่าง จากกรณี SVB ที่ผู้ถือหุ้นถูกลงโทษ ไม่เหลืออะไรเลย ด้วยความกลัว
ต่างเร่งขาย เมื่อวานนี้ ทำให้ราคาตกลงมากกว่า 50% ในบางช่วง เพื่อออกมาให้ได้ก่อน ก่อนที่ First Republic Bank จะกลายเป็นใหญ่อันดับสองของประวัติศาสตร์แบงค์ล้มสหรัฐ !!!
รองก็เพียงแต่ Washington Mutual (สินทรัพย์ 3.07 แสนล้าน) ที่ล้มไปช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทั้งหมดนี้ หากจะว่าไปแล้ว ทั้งสามกรณี
ล้มลงจาก Easy Money หรือสภาพคล่องมากมายที่ออกมาจากเฟดช่วงโควิด ทำให้แบงค์เหล่านี้ ท่วมไปด้วยสภาพคล่องเงินฝากของ First Republic Bank เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว !!! จาก 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อปลายปี 2019 กลายเป็น 1.76 แสนล้านดอลลาร์ ณ ปลายปี 2022 จากที่เคยเพิ่มขึ้นปีละไม่มาก ในช่วงก่อนหน้า เงินที่เข้ามามากนี้ ทำให้แบงค์ต้องเร่งปล่อยสินเชื่อออกไปเพิ่มขึ้นประมาณ 85% ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 3 ปี !!! จาก 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 1.66 แสนล้านดอลลาร์
การที่แบงค์โตอย่างก้าวกระโดดไม่ต่างจากกับกรณีของ SVB ทำให้การดูแล ควบคุม ความเสี่ยงต่างๆ เป็นไปได้ยากขึ้น ทุกอย่างดูเหมือนจะดี แต่จริงๆ แล้ว ซ่อนปัญหาเอาไว้ผู้ฝากเงินที่เป็นรายใหญ่ พร้อมแห่ถอน สินเชื่อที่เร่งปล่อย คุณภาพน่าจะลดลงทำให้ภาคเอกชนที่สนใจ ก็คงหนักใจที่จะเข้าอุ้ม
ท้ายสุด เมื่อหมดทางก็คงเหลือแต่ทาง ที่ทางการต้องเข้าไปยึดเพื่อล้างปัญหาที่สะสมไว้กลายเป็นเหยื่ออีกรายของ Perfect Storm พร้อมทำให้ทุกคนเห็นว่า มาตรการที่เฟดออกมาเมื่อเดือนมีนาคม อ่อนไปไม่สามารถหยุดการล้มของแบงค์ได้แบงค์ที่ยังดี แต่คนขาดความเชื่อมั่น พอยังช่วยได้ แต่แบงค์ที่ซุกปัญหา ฐานะอ่อนแอสุดท้ายก็ล้มได้ เหมือนกรณี First Republic Bank ทั้งหมดทำให้นักลงทุนถามคำถามว่า Who is next? ใครจะเป็นรายต่อไป
ใครที่เหมือน First Republic Bank โดยเฉพาะแบงค์ที่เป็น Regional Banks หรือ Community Banks มาตามกันดูต่อไปครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น และทางการสหรัฐจะแก้เกมส์อย่างไร ที่จะจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้ไม่ลุกลามไปมากกว่านี้ เพราะแค่ 3 แบงค์นี้ ก็คิดเป็นสินทรัพย์ประมาณ 5.3 แสนล้านดอลลาร์ เท่าๆ กับแบงค์อันดับ 7 ของสหรัฐในขณะนี้เรียบร้อยแล้ว และคงต้องบอกว่าหนังม้วนนี้ คงจะเป็นหนังม้วนยาว ที่ยังไม่จบง่าย ต้องลุ้นกันอีกระยะครับ 🙂
ที่มา : Bloomberg