ทำความรู้จักไส้ติ่ง หากอักเสบอาการเป็นอย่างไร สาเหตุมาจากอะไร และวิธีรักษาต้องผ่าตัดเท่านั้น ขณะที่ความเชื่อว่าการรับประทานเม็ดฝรั่ง จะทำให้ไปอุดตันที่ไส้ติ่ง เป็นความเชื่อที่ผิด
ไส้ติ่ง คือ ส่วนของลำไส้ใหญ่ยื่นออกมาเป็นติ่งอยู่ทางด้านขวา ไส้ติ่งมีหน้าที่สร้างและปกป้องเชื้อจุลินทรีย์ในช่องท้อง จุลินทรีย์จะช่วยในการย่อยอาหาร และยังมีหน้าที่กระตุ้นระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่ไส้ติ่งก็มักทำให้คนทั่วไปรู้สึกไม่ดีและคิดว่าไร้ประโยชน์ เพราะเมื่อมันเกิดการอักเสบก็ทำให้ปวดท้องจนต้องผ่าตัดทิ้ง และถ้ารักษาไม่ทันก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ จากสถิติพบว่าไส้ติ่งอักเสบมักเกิดขึ้นในช่วงอายุระหว่าง 15-45 ปี และผู้ชายมีความเสี่ยงเป็นไส้ติ่งอักเสบสูงกว่าผู้หญิง
ไส้ติ่งอักเสบ อาการเป็นอย่างไร
1.ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องเหมือนปวดท้องทั่วไป และไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของความปวดว่าเกิดขึ้นบริเวณส่วนไหน
2.อาการปวดจะค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นและเป็นอยู่นานราว ๆ 6 ชั่วโมง แต่คราวนี้ความปวดจะเริ่มชัดเจนขึ้น จะรู้สึกปวดแบบบิด ๆ รอบสะดือ และเริ่มมีอาการเหมือนคนท้องร่วงแต่ถ่ายไม่ออก อาจจะเริ่มมีไข้และมีการอาเจียนร่วม เบื่ออาหาร
3.อาการปวดจะย้ายมาที่ ปวดท้องน้อยข้างขวา ผู้ป่วยจะปวดเสียดตลอดเวลา อาการปวดจะเพิ่มมากขึ้นจนทนไม่ไหว ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้
4.ถ้าไส้ติ่งเริ่มติดเชื้อรุนแรง จะเกิดการเน่าและแตก สุดท้ายกลายเป็นฝีหนอง ระยะอาการปวดที่เกิดขึ้นมักจะไม่เกิน 3 วัน จากนั้นไส้ติ่งก็จะแตก
สาเหตุของโรคไส้ติ่งอักเสบ
โรคไส้ติ่งอักเสบ สาเหตุมาจากการอุดตันของไส้ติ่ง อาจมีเศษอุจจาระที่แข็งตัว สิ่งแปลกปลอม พยาธิ มีก้อนเนื้องอก หรือ เศษอาหารตกลงไปในไส้ติ่ง ทำให้มีเชื้อแบคทีเรียเข้าไปซ้ำเติมจนทำให้เกิดอาการอักเสบขึ้นมา
ไส้ติ่งอักเสบต้องรีบรักษา
การรักษาไส้ติ่งอักเสบจะมีเพียงการผ่าตัดเอาไส้ติ่งที่อักเสบออกเท่านั้น โดยต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด เพราะหลังจากเกิดการอักเสบแล้วไส้ติ่งอาจจะเน่า และแตกทะลุภายใน 24-36 ชั่วโมง หากไส้ติ่งแตกจะมีความเสี่ยงที่อาจทำให้เสียชีวิตสูง โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบและมีภาวะช็อกได้
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการเป็นไส้ติ่งอักเสบ
ความเชื่อว่าการรับประทานเม็ดฝรั่ง หรือเม็ดของผลไม้อื่น ๆ จะทำให้ไปอุดตันที่ไส้ติ่ง และส่งผลให้เกิดไส้ติ่งอักเสบ แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ไปอุดตันในไส้ติ่งนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอุจจาระของเราเอง สาเหตุที่มาจากการรับประทานเม็ดของผลไม้มีความเป็นไปได้ แต่จะเกิดขึ้นได้น้อยมากนั่นเอง
ข้อมูลจาก : โรงพยาบาลเพชรเวช , โรงพยาบาลเปาโล