SHORT CUT
ย้อนเส้นทางชีวิต “เบลล่า ราณี แคมเปญ” ชีวิตเจออุปสรรคนับไม่ถ้วน เป็นนางร้าย นางรอง ก่อนเป็นนางเอก ใช้เวลา 14 ปี กว่าจะมายืนอยู่ในแถวหน้า
วินาทีนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก นางเอกสาวมากความสามารถ วัย 34 ปี “เบลล่า ราณี แคมเปญ” ผู้สร้างกระแสออเจ้าสนั่นเมือง ล่าสุดเธอคว้า "รางวัลเกียรติยศ สาขาละคร นักแสดง ทรงคุณค่าตลอดกาล บนเวทีคมชัดลึกอวอร์ดครั้งที่ 20 " ซึ่งไม่ใช่จากผลงานละคร "บุพเพสันนิวาส" เท่านั้น แต่เธอยังเป็นนางเอกที่ละครครองเรตติ้งอันดับ 1 ถึง 4 ปี ในยุคทีวีดิจิตอลด้วย
แต่กว่าจะมาเป็น นางเอกเรตติ้งอันดับ 1 อย่างทุกวันนี้ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเธอต้องฟันฝ่าอุปสรรคมานับไม่ถ้วน ทีม SPRiNG จึงชวนย้อนดูเส้นทางชีวิตของนางเอก “เบลล่า ราณี” จากเด็กฝึกช่อง 3 สู่นักแสงตัวท็อปแห่งวงการบันเทิงไทย เจ้าของฉายา “นางเอกสายบุญ”
สำหรับประวัติของ “เบลล่า ราณี” เกิดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2532 ในกรุงเทพมหานคร เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ เธอจบการศึกษาจากโรงเรียนอนุบาลชนานันท์ ชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนปราโมชวิทยารามอินทราและโรงเรียนประชานิเวศน์ จากนั้นเธอศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสารวิทยา ระดับปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาควิชาวิทยุโทรทัศน์ ระดับปริญญาโทที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สาขาวิชาการบริหารสื่อสารมวลชน และจบการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.50
แต่ถึงจะเป็นลูกครึ่ง ชีวิตของเธอก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะก่อนเข้าสู่วงการ ชีวิตของเธอต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคมาเยอะ เธอเคยทำงานพาร์ทไทม์ เป็นเด็กเสิร์ฟร้านไอศกรีมชื่อดังในห้างมาก่อน ต้องยืนทั้งวันประมาณ 7-8 ชั่วโมง เพื่อหารายได้ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวในช่วงที่ต้องเผชิญกับเศรษฐกิจไม่ดี คุณแม่ที่เป็นแม่บ้านก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก ส่วนธุรกิจโรงเรียนสอนภาษาของคุณพ่อก็มีรายได้ลดลง ซึ่งการทำงาน พาร์ทไทม์ ทำให้เธอเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเงินมาก
เมื่อเข้ามาเป็นเด็กฝึกช่องสามใหม่ๆ เธอต้องนั่งรถตู้จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อมาทำงานที่ช่อง 3 ซึ่งอยู่กลักสี่ เธอเดินทางแบบนี้หลายวันต่อสัปดาห์เพื่อมาเรียนรู้งาน เฝ้าคอยโอกาส จนได้เล่นละครเรื่องแรก แต่เริ่มจากบทตัวร้าย ไม่ใช่นางเอก!
ปี 2554 เบลล่า ราณี ก้าวสู่จอแก้วเป็นครั้งแรกในละครเรื่อง รอยมาร ทางช่อง 3 โดยรับบทเป็นนางร้ายของเรื่อง รวมถึงก้าวสู่จอเงินในภาพยนตร์เรื่อง มึงกูเพื่อนกันจนวันตาย
ปี 2555 เบลล่า ราณี ได้แสดงเป็นนางรองในเรื่อง ตะวันยอดรัก รับบทเป็น วิริยา
ปี 2556 เบลล่า ราณี รับบทเป็นนางเอกในละครเรื่อง พรพรหมอลเวง โดยแสดงคู่กับ บอย ปกรณ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องแรกที่เธอได้รับบทนางเอก
ปี 2556 เบลล่า ราณี แสดงในละครชุด สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ในภาค คุณชายพุฒิภัทร ประกบคู่กับ จิรายุ ตั้งศรีสุข ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้กับเธอ
หลังจากนั้น ก็มีผู้จัดละครหลายท่าน ให้เบลล่ารับบทเป็นนางเอกหลายเรื่อง จนมาปังสุด ในปี 2561 ที่แสดงบทนำในละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส โดยรับบทเป็น “แม่หญิง การะเกด” จนกลายเป็นกระแส "ออเจ้าฟีเวอร์” ที่เป็นหน้าเป็นตาของวัฒนธรรมไทย และผลักดัน Soft Power ไทยสู่ระดับสากลได้อย่างงดงาม
ต่อมาปี 2565 เบลล่า ราณี ยังรับบท “แม่หญิงการะเกด” ต่อใน บุพเพสันนิวาส 2 ที่ถูกฉายในโรงภาพยนตร์ ทำให้เธอขึ้นแท่นเป็นนางเอก 300 ล้านอีกด้วย
นอกจากผลงานละครและภาพยนตร์แล้ว เบลล่า ราณี ยังเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์ชื่อดังกว่า 30 แบรนด์อีกด้วย อาทิ ซุปไก่สกัด C-vitt แว่นท๊อปเจริญ และซาร่า รวมถึงเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Lazada และ บาจา (Bata) อีกด้วย นอกจากนี้ในปี 2023 เธอยัง บิน ลัดฟ้า ไปโกอินเตอร์ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพื่อไปรับชมแฟชั่นวีคในคอเลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 ของแบรนด์ "เฟนดิ (Fendi) "
ล่าสุด เบลล่า ราณี คว้ารางวัล เกียรติยศ สาขาละคร นักแสดง ทรงคุณค่าตลอดกาล บนเวทีคมชัดลึกอวอร์ดครั้งที่ 20 ซึ่งหลังรับรางวัล เธอได้พูดสิ่งที่ทัชใจคนฟังอย่างยิ่ง โดยเธอย้อนเล่าถึงเส้นทางในวงการบันเทิงสั้นๆ ว่า “ตั้งแต่เริ่ม มันไม่ได้สวยหรู หรือโรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าเปรียบเป็นม้าแข่ง เบลไม่ใช่ตัวเต็งเลย ต้องลุ้นทุกสนามว่าจะได้ลงแข่งหรือเปล่า สนามนี้เราจะได้แสดงฝีมือให้คนเห็นไหม และเบลก็ไม่ใช่เบลที่ทุกคนเห็นว่ามีชื่อเสียง เป็นที่รักอย่างที่ทุกคนเห็นในวันนี้”
“สิ่งที่เบลอยากจะบอกทุกคนคือ อาชีพของเบลไม่ได้แตกต่างจากอาชีพของทุกคนเลย มันไม่ได้มีแต่ความสวยงาม แต่มีทั้งความผิดหวัง ความพยายาม ความฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า มีคำดูถูก มีคำวิจารณ์ มีการอดทนรอ ซึ่งเบลใช้เวลาทั้งหมด 14 ปีกว่าจะมีวันนี้
“คนเราไม่ได้สำเร็จตั้งแต่ก้าวแรก บางทีอาจจะสำเร็จจากความพยายามครั้งที่ 100 ด้วยซ้ำ บางครั้งความพยายามไม่พอ ต้องมีโชคด้วย
“แต่เบลเชื่อว่า ถ้าเราตั้งใจ มุ่งมั่น และพร้อมอยู่เสมอ จุดเปลี่ยนที่เข้ามาในชีวิต เราจะพร้อมคว้ามันทันที อย่าให้คนอื่นมาบอกว่าเราทำไม่ได้ อย่าเอาคำดูถูกหรือว่าการกลั่นแกล้งมาบั่นทอนจิตใจ แต่คุณจงใช้พลังนั้นในการขับเคลื่อนตัวตน
“ถ้าวันไหนที่ได้ลงสนาม จงวิ่งให้สุดกำลัง แค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ในสิ่งที่มองไม่เห็น ความตั้งใจนั้นมันจะส่องแสงออกมา และมันจะเป็นวันของคุณ” เบลล่า ราณี กล่าว
ที่มา : คมชัดลึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง