SHORT CUT
"เชย์นิส ปาลาซิโอส" มิสยูนิเวิร์สผู้น่าสงสาร 6 เดือนยังไม่ได้กลับเข้าประเทศ หลังกลายสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการในประเทศนิการากัว
จากภาพกอดธงชาติและหลั่งน้ำตาของ "เชย์นิส ปาลาซิโอส" (Sheynnis Alondra Palacios Cornejo) มิสยูนิเวิร์ส 2023 ขณะเดินทางไปทัวร์เอเชียที่ประเทศฟิลิปปินส์ ประกอบกับอินสตาแกรม @Missuniverse ที่ระบุข้อความว่า "Home is not a place, it’s a feeling. Sometimes, you find that feeling in the most unexpected places. Thank you for making our queen feel like home" แปลใจว่า "บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นความรู้สึก บางครั้งคุณก็พบความรู้สึกนั้นในที่ที่ไม่คาดคิดที่สุด ขอบคุณที่ทําให้ราชินีของเรารู้สึกเหมือนบ้าน"
เป็นเวลาเกือบ 6 เดือนหลังจากที่นางงามจักรวาล "เชย์นิส ปาลาซิโอส" ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นสาวงามคนแรกจากประเทศนิการากัวที่คว้ามงกุฏมิสยูเวิร์ส เรื่องราวของเธอได้กลายเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศ The Guardian รายงานว่า "คาเรน เซเลเบอร์ตติ" (Karen Celebertti) National Director Miss Nicaragua และลูกสาว ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศนิการากัวได้ เนื่องจากถูกจัดอยู่ในบุคคลที่ห้ามเข้าประเทศ
ส่วน เชย์นิส ตอนนั้นยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศ เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งนางงามจักรวาลอยู่ที่สหรัฐฯ และยังไม่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลนิการากัวเรื่องของการห้ามไม่ให้เชย์นิสเข้าประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจาก เชย์นิส ได้รับตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส 2023 ประชาชนในประเทศนิการากัวต่างพากันออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก โดยการเฉลิมฉลองดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การยกย่องตัวนางงามที่ได้รับมงกุฎ แต่เป็นการเฉลิมฉลองที่จุดประกายให้ประเทศนิการากัวมีความหวังเล็กน้อยกับการกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้หลายฝ่ายกังวลใจว่า "เชย์นิส ปาลาซิโอส" อาจไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับเข้าประเทศนั้น เนื่องจากว่าในช่วงราวปี 2018 ขณะที่เธอเป็นนักศึกษาเธอเคยเข้าร่วมขบวนประท้วงรัฐบาลเผด็จการภายใต้การนำของประธานาธิบดี "ดานิเอล ออร์เตกา" พร้อมแสดงจุดยืนสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย โดยรัฐบาลเผด็จการของออร์เตกา เคยประกาศยึดและปิดทำการมหาวิทยาลัยอเมริกากลาง (UCA) ในกรุงมานากัว ที่เชย์นิสเรียนอยู่ในขณะนั้นชั่วคราว หลังจากมองว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการประท้วงต่อต้านระบบเผด็จการของออร์เตกาในช่วงเวลานั้น
ประกอบกับสีของชุดราตรีในการแข่งขันรอบตัดสินบนเวที มิสยูนิเวิร์ส 2023 ของ เชย์นิส ได้รับการตีความว่าสื่อถึงสีของธงชาตินิการากัว ซึ่งผู้นำเผด็จการคนปัจจุบันมองว่า สีและธงชาติดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายต่อต้านและพรรคฝ่ายค้าน ในขณะที่ธงสีแดง-ดำของกลุ่ม ซานดินิสตา (Sandinista) จะเป็นธงที่สื่อถึงออร์เตกา และระบอบเผด็จการของเขาโดยตรง การคว้าชัยชนะของเชย์นิสทำให้บรรดาพรรคฝ่ายค้านในนิการากัวดีใจอย่างมาก ขณะที่รัฐบาลเผด็จการของออร์เตกาเองก็เคยแสดงความยินดีกับ เชย์นิส ที่สามารถคว้าตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส 2023 มาครองได้สำเร็จ
แต่ภายหลังรัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนท่าที หลังจากที่รู้ว่าเชย์นิสเคยเข้าร่วมขบวนประท้วงรัฐบาลเผด็จการในช่วงปี 2018 เธอจึงกลายเป็น "สัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ" ในนิการากัว และออร์เตกาก็อาจเริ่มกังวลใจว่า การกลับมาของเชย์นิสในฐานะนางงามจักรวาลคนแรกของนิการากัว จะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการปลุกปั่น และนำไปสู่การก่อรัฐประหารเพื่อโค่นล้มออร์เตกาในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตามเวลาเกือบ 6 เดือนระหว่างที่ "เชย์นิส ปาลาซิโอส" ยังไม่ได้กลับเข้าประเทศนิการากัว เธอก็ได้เดินทางปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งนางงามจักรวาลเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั้งหมด 7 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, แม็กซิโก,ไทย, กัมพูชา, ลาว, จีน, ฟิลิปปินส์ และกำลังจะเดินทางไปประเทศอินเดีย ในวันที่ 7-9 พฤษภาคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง