ต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อว่า Man in Love เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ออกฉายในปี 2557 ซึ่งถูกนำมาปัดฝุ่นทำเป็นฉบับไทย โดยได้ "วาสุเทพ เกตุเพ็ชร์" มานั่งแท่นกำกับ สปริงชวนติดตามรีวิว เธอฟอร์แคช (2024) หนังทวงหนี้ ที่ปรุงออกมาได้ครบทุกรส
“เธอ ฟอร์ แคช” เป็นภาพยนตร์ไทยที่บอกเล่าเรื่องราวของ “โบ้” รับบทโดย “ไบร์ท วชิรวิชญ์” หนุ่มนักทวงหนี้ ที่มีใบหน้าเป็นอาวุธ ที่โชคชะตานำพามาให้รู้จักกับ “อิ๋ม” รับบทโดย “ญาญ่า อุรัสยา” สาวแบงค์กระเป๋าแฟบ ลูกสาวคุณลุงขายของทอด ซึ่งติดหนี้นอกระบบกับแม่ของโบ้ ที่อยู่ดี ๆ เกิดล้มป่วยขึ้นมา หนี้ทุกบาททุกสตางค์จึงตกเป็นภาระของเธอแทน
เรื่องราวถูกเล่าผ่านสายตาของโบ้ในฐานะนักทวงหนี้ ผู้มีวิธีการทวงเงินสุดประหลาด คนอื่นใช้กำลังกับลูกหนี้ แต่หนุ่มหน้ามนต์คนนี้กลับหยิบขวดเหล้าใกล้ตัวมาฟาดหัวตัวเองเสียอย่างนั้น พร้อมกับวลีฮิตติดปากว่า
“ถ้ามึงไม่จ่าย...งั้นมึงกับกูก็ตายไปพร้อมกันนี่แหละ”
พาร์ทของนักแสดงต้องบอกว่าญาญ่าถ่ายทอดความจนตรอกของอิ๋มได้ออกมาแนบเนียนและเชื่อสนิทใจว่าเธอเป็นสาวแบงค์ที่กระเสือกกระสนเพื่อจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ เรื่องราวถูกท่ายทอดผ่านสายตาที่หมดอาลัยตายยาก ความห่อเหี่ยวในการพูดจา หรือเดินเหิน ญาญ่าแสดงออกมาได้อย่างหมดจด ทำให้เราในฐานะคนดูเอาใจช่วยเธอเต็มที่
ขณะที่ไบร์ทในบทบาทโบ้ นักทวงหนี้ที่ทำงานให้กับแม่ รับบทโดย “เบนซ์ พรชิตา” มีเงินใช้ไม่ขาดมือ แต่กลับไม่มีความสุข โบ้ทึกทักไปเองว่าพ่อไม่รักตนเอง ไม่ภูมิใจในตัวเอง หาเงินมาได้เท่าไร พ่อก็ไม่รับไว้
แต่น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ขยายเส้นเรื่องของครอบครัวนี้เท่าไรนัก เราอยากรู้ว่าเด็ก ๆ เขาโตมายังไง อะไรทำให้เขาคิดว่าการเล่าเรียนสูง ๆ ไม่สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ แล้วทำไมถึงคิดว่าการใช้ความรุนแรง (กับตัวเอง) เพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน ถึงเป็นวิธีที่ถูกที่ควรแล้ว
ว่ากันตรง ๆ หนังทำได้ดีในแง่การตีแผ่ปมปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ การพนัน ความดำมืดของวงการใต้ดิน เล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ รวมถึงความอับจนของคนชายขอบ และจิกกัดเสียดสีสังคม
เห็นได้ชัดผ่านมุมมองหรือทัศนคติของโบ้ ที่มักตั้งคำถามกับสิ่งรอบตัว โบ้ถามอิ๋มว่า “จบตั้งปริญญาตรี ทำไมถึงไม่มีเงินเก็บเลย” ซึ่งหนังก็แสดงออกมาอย่างโต้ง ๆ เลยว่า อิ๋มในฐานะสาวแบงค์มีเงินเดือนกินทุกเดือนก็มีต้นทุนที่ต้องแบกรับ ค่าเช่าห้อง ค่าโทรศัพท์ และจิปาถะ ซึ่งหักลบแล้วก็เหลืออยู่ไม่กี่บาท
หรือจุดขายของหนังอย่างพาร์ทความรักก็ถือว่าโอเค เพราะตัวละครมีปมกันทั้งคู่ และค่อย ๆ ปรับจูนเข้าหากัน โบ้อยากออกจากวงการสีเทา อิ๋มต้องการความมั่นคงในชีวิต ฉะนั้น เราจะได้เห็นพัฒนาการตัวละครตั้งแต่จีบกัน ตกล่องปล่องชิ้น รักใคร่ แต่ก็นะ...เรื่องเงินมันเรื่องใหญ่
ให้ผู้อ่านไปรับชมกันเองแล้วกันว่า “เงิน” ทำงานยังไงในหนังเรื่องนี้ แล้วบทสรุปที่ออกมามันทำให้คุณเชื่อได้สนิทใจหรือไม่ว่า ในโลกปัจจุบัน เงินคือทุกสิ่ง หากปราศจากเงินทอง ชีวิตมนุษย์ย่อมฝืดเคืองเดินต่อไม่ได้
มันทำให้เราคิดต่อไปได้อีกว่าเราควรบาลานซ์ “ความสุข เงินทอง สุขภาพ” ยังไงให้ชีวิตมันไปต่อได้ หรือแท้จริงแล้ว ทำงานหนักให้ตายยังไงชีวิตเราก็ย่ำอยู่กับที่ หากสังคมยังเน่าเฟะและไม่เอื้อต่อชีวิตคนชายขอบอยู่
อีกหนึ่งพาร์ทที่ชอบเลยคือเรื่องการใช้ชีวิตแบบสุดโต่ง หรือใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ต่อยตี สร้างหนี้สิน เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน เหล่านี้เป็นเหมือนบ่วงที่จะกอดรัดชีวิตของเราไปจนสุดทางของชีวิต ใครเอาตัวรอดได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่คุณก็อาจถูกเล่นงานจนตั้งหลักไม่ได้เลยก็ได้
มีอยู่หนึ่งบทสนทนาที่ชอบมากจากโบ้ถึงอิ๋ม อยู่ในช่วงท้ายของเรื่อง โบ้บอกกับอิ๋มว่า “ถ้าใช้ชีวิตแล้วเหนื่อย ก็หยุดแล้วพักหายใจก่อนนะ”
จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่คำพูดที่วิเศษวิโสอะไรหรอก แต่มันเป็นประโยคที่ถูกพ่นออกมาจากปากของโบ้ ผู้ซึ่ง “ใช้ชีวิตแบบไม่ระวัง” ประโยคนี้มันเลยทำงานกับความรู้สึกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง