เปิดขั้นตอนเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กับคุณสมบัติที่พรรคกำหนด

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึง การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า การประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคประชาธิปัตย์ จะเริ่มขึ้น ในเวลา 08.30 น.ที่ รร.มิราเคิลแกรนด์ โดยมี คณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการจัดการประชุม ที่มีนายองค์อาจ คล้ามไพบูลย์ เป็นประธานคณะกรรมการส่วนคณะกรรมการอีกหนึ่งชุดคือคณะกรรมการการเลือกตั้งของพรรค โดยมีคุณหญิงกัลยาโสภณพนิชย์ เป็นประธานรวมถึงนายราเมศที่จะดูในส่วนขั้นตอนต่างๆซึ่งได้มีการหารือกันเสร็จสิ้นแล้ว  พร้อมระบุว่าขณะนี้มียอดองค์ประชุมลดลงเหลือ 367 คน จากเดิมที่กำหนดไว้และมีผู้แจ้งไม่สะดวกเข้าร่วมซึ่งการดำเนินการประชุมตามข้อบังคับพรรคจะดำเนินการได้โดยต้องมีองค์ประชุม 250 คนขึ้นไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• ย้อนสถิติ ประธานสภาฯ ในช่วงเลือกตั้ง 30 ปีหลัง ส่วนใหญ่จากพรรค ส.ส. อันดับ 1

• วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส. อาวุโสสูงสุด หลังเลือกตั้ง 66 ว่าที่ ประธานสภาชั่วคราว

• ปชป.ย้ำ! ไม่ร่วม "รัฐบาลก้าวไกล" เหตุไม่เห็นด้วย ปมยกเลิก-แก้ไข ม.112

สำหรับวาระสำคัญในวันพรุ่งนี้คือการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคทั้งหมด 11 ตำแหน่งจำนวน 41 คน โดยยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่ยึดหลักประชาธิปไตยไม่มีการกีดกันไม่ให้ใครลงสมัครหรือบิดเบือนข้อกำหนดพรรค ตามที่เป็นกระแสข่าวซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะข้อบังคับพรรคข้อที่ 31 ระบุไว้ชัดเจน ว่าผู้ที่จะเป็นกรรมการบริหารพรรคจะต้อง มีคุณสมบัติ ดังนี้

• อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี บริบูรณ์ 
• เป็นสมาชิกไม่น้อยกว่า 5 ปี  จนถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่เคยเป็นกรรมการประจำสาขาพรรค 
• เป็นหรือเคยเป็น ส.ส.ในนามพรรค 
• เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค 
• เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคได้ส่งลงสมัคร   
• เว้นแต่สมา ชิกในที่ประชุมใหญ่มีมติเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมให้ผู้นั้นสามารถลงสมัครแข่งขันได้

และข้อกำหนดพรรค ข้อ 32 บุคคลที่จะลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต้องมีคุณสมบัติเป็นหรือเคยเป็นส. ส. ในนามพรรคหรือหากไม่เคยเป็นต้องใช้หลักเกณฑ์สมาชิกในที่ประชุมใหญ่มีมติไม่น้อยกว่าสามในสี่ของที่ประชุมให้บุคคลนั้นสามารถสมัครลงแข่งขันได้  

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะมีสมาชิกกลุ่มหนึ่งใช้สิทธิในการยกเว้น ข้อบังคับ 137  จากเดิมที่ใช้น้ำหนักเสียง ส.ส. 70 % และสมาชิกที่เหลือ 30 %  เพื่อใช้ 1 สิทธิ์ ต่อ 1 เสียง นายราเมศระบุว่าสามารถทำได้ แต่ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 รับรอง  พร้อมย้ำว่าไม่ว่าจะมีการเสนอชื่อผู้ แข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคเข้ามากี่คนก็ต้องอยู่ใต้ข้อบังคับเดียวกันทั้งหมด  และการที่นายอลงกรณ์ พลบุตร เสนอชื่อและประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้นก็ถือว่ามีความกล้าหาญและมีมาหลายรอบแล้ว ตนขอยืนยัน ว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการสมัครแข่งขันทั้งหมด

ทั้งนี้ เมื่อมีการเสนอชื่อต่อที่ประชุมจะให้บุคคลที่ถูกเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคแสดงวิสัยทัศน์คนละไม่เกิน 7 นาทีก่อนจะลงคะแนนเสียง โดยยอมรับว่าชื่อที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมีบางคนที่มีคุณสมบัติไม่ครบแต่หาก มีเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมตามข้อบังคับพรรคก็ไม่มีการปิดกั้น โดยในวันพรุ่งนี้จะเปิดโอกาสให้สมาชิกพรรคที่ไม่ได้เป็นองค์ประชุมมีสิทธิ์เข้าฟังโดยจัดที่นั่งสำหรับสมาชิกและผู้สังเกตการณ์เป็นสัดส่วน

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่ามีชื่อใครที่จะสมัครแข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคบ้าง จะทราบเป็นทางการในช่วงเช้า พร้อมกันในที่ประชุมไม่เหมือนสมัยของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่มีการไปหยั่งเสียงสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นการประกาศตัว ก่อนจะถึงวันเลือกหัวหน้าพรรค แต่ครั้งนี้เนื่องจากเวลาที่จำกัดจึงใช้การรับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกทั่วประเทศและเข้ามาเป็นองค์ประชุม 

สำหรับกระแสข่าวที่นายอภิสิทธิ์ จะหวนกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคนั้น นายราเมศ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เป็นอดีตหัวหน้าพรรคและเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี  เชื่อว่า ทุกคนทราบว่า เป็นบุคคลที่มี ศักยภาพและเป็นคนที่มีความเป็นประชาธิปัตย์อย่างมาก มีเสียงสะท้อนจากสมาชิกหลายคนที่อยากให้กลับมา อาจจะมีสมาชิกอีกกลุ่มที่สนับสนุนบุคคลหนึ่ง ก็เป็นเรื่องธรรมดา และหากนายอภิสิทธิ์จะกลับมาลงแข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็ต้องเข้าสู่กระบวนการข้อบังคับพรรค และ เชื่อว่า สมาชิกยินดีที่จะให้บุคคลเสนอชื่อเข้ามาแข่งขันกัน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่านายอภิสิทธิ์จะลงแข่งขันหรือไม่เพราะตามข้อ บังคับพรรคไม่ได้ระบุให้ผู้ที่จะสมัครเป็นหัวหน้าพรรคมายื่นใบสมัครต่อสำนักงานเลขาธิการพรรค แต่เป็นการเสนอชื่อต่อที่ประชุมและขอเสียงรับรอง