“อนุทิน ชาญวีรกูล” แจง “พรรคภูมิใจไทย” ไม่เกี่ยวข้องกับ “นิกม์” เปิดปมหุ้นไอทีวี “พิธา” ยัน “เราไม่ชกใต้เข็มขัด”
จากกรณีที่ “นิกม์ แสงศิรินาวิน” อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย โพสต์เปิดปม “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นสื่อ และได้ยกมือไหว้ขอโทษที่ทำให้ “พรรคภูมิใจไทย” เสื่อมเสียชื่อเสียง
โดย “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า “นายนิกม์” ทำในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้ทำในฐานะพรรค พรรคภูมิใจไทยไม่ทำเรื่องเช่นนั้นอยู่แล้ว และส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน ซึ่ง “นายนิกม์” เพิ่งจะมาเป็นสมาชิกใหม่พรรคภูมิใจก่อนการเลือกตั้ง ไม่ได้มีการพูดคุยอะไร นอกเหนือจากการเลือกตั้ง
“อนุทิน” ยืนยันว่า “พรรคภูมิใจไทย” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องดังกล่าว คนที่จะทำอะไรแทน “พรรคภูมิใจไทย” ได้คือหัวหน้าพรรคกับเลขาธิการพรรคเท่านั้น และเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่มีผลกระทบใดๆ กับพรรค ซึ่งคำถามเช่นนี้ไม่เป็นธรรมกับ “พรรคภูมิใจไทย” เพราะพรรคไม่ได้ทำอะไรเลย ตนขอยืนยันในฐานะหัวหน้าพรรค และยิ่งมีคนพยายามเขียนข่าวโยงในลักษณะที่ว่า เอารูปตนไปอยู่คู่ “นายสารัชถ์ รัตนาวดี” ขอยืนยันว่าเป็นเพื่อนกันมา 40 ปีแล้ว ซึ่งการเป็นเพื่อนกันไม่มีวันหมดอายุ
ส่วนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ขออย่านำไปผูกโยงกัน แต่ถ้าโยงอย่างไรก็โยงได้หมด หากจะหาเรื่อง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไร นี่เป็นเรื่องของรัฐบาล และนั่นเป็นเรื่องส่วนตัว และอย่าลืมว่าผู้ที่แสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลตั้งแต่คืนวันที่ 14 พฤษภาคมคือตน และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ให้กำลังใจในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
ส่วนกรณีที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดหลักฐานใหม่ ในการยื่นตรวจสอบ “พิธา ถูกเชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทยนั้น “อนุทิน” บอกว่า เรื่องนี้ขอให้ไปถาม “เรืองไกร” เอาเอง แต่ยืนยัน นอนยัน นั่งยัน ว่าพรรคภูมิใจไทยไม่เคยเสียเวลามาทำอะไรกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเราไม่ชกใต้เข็มขัดอยู่แล้ว มีแต่แสดงความยินดีและให้กำลังใจ พร้อมถามกลับสื่อมวลชน ในช่วง 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เห็นความเคลื่อนไหวใดของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ และที่ผ่านมาทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่า ไม่มีดีลลับตามที่มีกระแสข่าวใดๆทั้ งสิ้น
ส่วนหาก “พิธา” ติดล็อกไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้นั้น นายอนุทิน บอกว่า ขอให้ไปถาม “พิธา” ไม่เกี่ยวข้องกับตน
ที่มา : เนชั่นออนไลน์