svasdssvasds

"เรืองไกร" ยื่นหลักฐานหุ้นสื่อ "พิธา"เพิ่ม ยันปี 66 ไอทีวีมีแผนทำธุรกิจสื่อ

"เรืองไกร" ยื่นหลักฐานหุ้นสื่อ "พิธา"เพิ่ม ยันปี 66 ไอทีวีมีแผนทำธุรกิจสื่อ

"เรืองไกร" ยื่นหลักฐานหุ้นสื่อ "พิธา" เพิ่ม ยืนยันปี 66 ไอทีวีมีแผนทำธุรกิจสื่อ เตรียมรับรู้รายได้ในไตรมาส2 ลั่นทันทีที่ "พิธา" ได้รับรองส.ส. เดินหน้าร้องสอบ คุณสมบัติต่อแน่นอน

 จากกรณีการถือหุ้นสื่อ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นเรื่องหลายคนกำลังจับตามองท่าทีของหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็น กกต., ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหลายฝ่ายมีคำถามว่า เรื่องนี้สุดท้ายแล้ว จะจบลงอย่างไร 

 ล่าสุดที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ยื่นเอกสาร เพิ่มเติมต่อกรณีการถือครองหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในประเด็น ที่กกต. ตั้งคณะสืบสวนสอบสวน ตามกฎหมายมาตรา 151 โดยเห็นว่าควรเอาเอกสารส่งเพิ่ม แม้เข้าใจว่าคำร้องที่ตนได้ยื่นถูกตีตกไป

โดยในประเด็น ม.151 เมื่อกกต. แถลงต่อประชาชนไปแล้ว

มีข้อมูล 4 ประเด็นที่จะมามอบให้ คือ

1. กรณีที่นายพิธาโพสต์ใน Facebook ของตนเอง

2. เรื่องการโอนหุ้นของนายพิธาที่มีการโอนในวันที่ 25 พ.ค.66 

3. รายงานการประชุมวาระท้ายที่เกี่ยวกับการซักถามของการประชุมผู้ถือหุ้น itv ณวันที่ 26 เมษายน 66 ที่มี การถามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ itv รวมถึง ไม่ตรงกันกับคลิปภาพที่ออกมา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับคำร้อง และไม่ทำให้ข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปและข้อเท็จจริงที่มาร้องเปลี่ยนไป เพราะกฎหมายบอกว่าผู้สมัครต้องไม่เป็นผู้ถือหุ้น

4. วัตถุประสงค์ของบริษัท ITV หลังจากถูกบอกเลิกสัญญาจากสปน. วัตถุประสงค์หลักยังอยู่ คือการดำเนินธุรกิจสื่อ แต่งบการเงินในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีการระบุไว้ ว่ามีการทำธุรกิจสื่อตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2566 และจะรับรู้รายได้จากการทำสื่อดังกล่าวในไตรมาสที่ 2 พร้อมแนบหนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวีบางส่วน ปี 61 และ 62 โดยมีแผนธุรกิจอย่างละเอียด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดประวัติ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ร้อง กกต. กรณี พิธา ถือหุ้นไอทีวี

• ย้อนเส้นทาง ITV ยุครุ่งเรือง-เป็นหนี้แสนล้าน หรือจะเป็นเครื่องมือการเมือง

• “เรืองไกร” ให้ถ้อยคำ กกต. หลังยื่นสอบ “พิธา” ถือหุ้น ITV พร้อมงัดหลักฐานใหม่

"เรืองไกร" ยื่นหลักฐานหุ้นสื่อ "พิธา"เพิ่ม ยันปี 66 ไอทีวีมีแผนทำธุรกิจสื่อ

 ส่วนที่พรรคก้าวไกลมีการยอมรับว่า นายพิธาถือหุ้นสื่อจริง แต่เหตุใดไม่แจ้งการถือหุ้น 42,000 หุ้นของ ITV ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และมีการยื่นเพิ่มเติมภายหลังนั้น เพื่อต้องการที่จะปกปิดหรือไม่ และยังมีการเลื่อนการยื่นบัญชีทรัพย์สิน หลังจากพ้นตำแหน่ง ส.ส.อีก

 ตนจึงขอเรียกร้องให้นายพิธา เปิดบัญชีทรัพย์สินทันทีหลังจากที่ยื่น ป.ป.ช.หมดแล้ว โดยไม่ต้องรอให้ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินเพื่อแสดงความรับผิดชอบ และตนไม่เชื่อว่าทรัพย์มรดก จะมีแค่หุ้นนี้เท่านั้น 

 นายเรืองไกร ยืนยันด้วยว่า การยื่นตรวจสอบการถือครองหุ้นสื่อของนายพิธา ไม่ใช่เป็นกระบวนการปลุกผี เพราะตนเองไม่ใช่พ่อมดหรือหมอผี ตนทำคนเดียว ไม่คิดอะไรเกินเลย มีหน้าที่ร้องก็ร้องตรงไหนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ถูกร้องก็ส่งให้ แต่ตนจะไม่ชี้นำสังคมก่อนกระบวนการและเจ้าหน้าที่พิจารณาตัดสิน เพราะทุกวันนี้กระบวนการสังคมมีการชี้นำกัน แล้วเราจะมีเจ้าหน้าที่มีซ้ำไว้ทำไม

 นายเรืองไกร ไม่กังวล กรณีที่ถูกยื่นร้องว่าตนใช้เอกสารเท็จในการยื่นตรวจสอบ พร้อมยืนยันว่า ทันทีที่กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ตนจะมายื่นร้องเอาผิดต่อนายพิธาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 อีกครั้ง

เรามาตามระบบก็ควรสู้ตามระบบ ท่านมาจากการเลือกตั้งก็ควรสู้ตามระบบ มีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดที่บัญญัติว่าผู้ชนะการเลือกตั้งห้ามตรวจสอบใหม่ เราเลือกตัวแทน ส.ส.เขต และส.ส. บัญชีรายชื่อ เพื่อทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ขอให้เข้าใจข้อกฎหมายให้ชัดด้วย

related