ทำความรู้จัก “พรรคเป็นธรรม” พรรคการเมืองที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ระบุว่ากำลังติดต่อเชิญเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล มี “ปิติพงศ์” อดีต ส.ส. 3 สมัย มือดียุค “ทักษิณ-สมชาย-ยิ่งลักษณ์” ก่อนดัน “กัณวีร์ สืบแสง” อดีตหัวหน้าสำนักงาน UNHCR เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 เดียวเข้าสภา
หลังจากที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศความพร้อมจัดตั้งรัฐบาล ระบุว่า ตอนนี้รวมได้ 5 พรรคแล้ว คือ
• พรรคก้าวไกล
• พรรคเพื่อไทย
• พรรคไทยสร้างไทย
• พรรคประชาชาติ
• พรรคเสรีรวมไทย
• พรรคเป็นธรรม
กำลังเจรจากันอยู่ได้ 309 เสียง ยืนยันจะตั้ง สสร. แก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมตั้งทีมงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาล
สำหรับพรรคเป็นธรรม เป็นพรรคใหม่ มีนายปิติพงศ์ เต็มเจริญ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนายกัณวีร์ สืบแสง เป็นเลขาธิการพรรค และเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 การเลือกตั้งครั้งนี้ ได้คะแนน 181,226 คะแนน ส่งผลให้ได้เก้าอี้ ส.ส. 1 ที่นั่ง นั่นคือนายกัณวีร์นั่นเอง
ประวัติ "กัณวีร์ สืบแสง" ส.ส.บัญชีรายชื่อหนึ่งเดียวของพรรคเป็นธรรม
นายกัณวีร์ สืบแสง ชื่อเล่น นล ปัจจุบันอายุ 46 ปี จบการศึกษา
• ระดับมัธยม จาก ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย
• ปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 2 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
• ปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศและมานุษยวิทยา จาก University of Oregon
• เคยทำงาน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ปี 2546-2552 ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเตรียมพร้อม สำนักความมั่นคงกิจการชายแดนและการป้องกันประเทศ (จังหวัดชายแดนภาคใต้ การบริหารวิกฤตการณ์ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดน)
• เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานภาคสนามใน 8 ประเทศ เช่น ประเทศไทย (แม่ฮ่องสอน) เมียนมา บังกลาเทศ ซูดาน ฟิลิปปินส์ ฯลฯ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ปี 2552-2564 และเป็นประธานมูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• พรรคเป็นธรรม มีใครเป็นสมาชิกพรรคบ้าง นโยบายอะไรที่โดนใจ
• พิธา ชี้ จัดตั้งรัฐบาลได้ 309 เสียง ก้าวไกล - เพื่อไทย จับมือ มัดรวม 5 พรรค
• พิธา พร้อมเป็นนายกฯ คนที่ 30 ลั่นพร้อมรับใช้คนไทยทุกคน
สำหรับที่มาของ “พรรคเป็นธรรม” มาจากความขัดแย้งถึงขั้นแตกหักระหว่าง “ปิติพงศ์” และ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จนสุดท้าย “ปิติพงศ์” ประกาศลาออกจากพรรค มาเซ้งพรรคใหม่อย่าง “พรรคกลาง” พร้อมกับรีแบรนดิ้งเป็นพรรคด้านสิทธิมนุษยชน เปลี่ยนชื่อใหม่ “พรรคเป็นธรรม”
เลือกตั้ง 2566 พรรคเป็นธรรม ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งรวม 20 คน แบ่งเป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต 11 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 9 คน ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งในส่วน ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 9,559 คน คิดเป็น 0.02% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 39.1 ล้านคน และได้เสียง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 181,226 คิดเป็น 0.46% พา ส.ส.เข้าสภาฯได้สำเร็จ 1 คน
โดยศึกเลือกตั้ง 2566 พรรคเป็นธรรมได้เสนอนโยบาย “เปลี่ยน สร้าง สู้” ผลักดันสันติภาพกินได้ และมนุษยธรรมนำการเมือง ซึ่งมาจากโครงการ “ฟังเสียงศักดิ์สิทธิ์” ที่มาจากศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน ที่เรียกร้องถึง “4 เปลี่ยน” ผ่าน “3 สร้าง” และกำหนดแนวทาง “4 สู้”
4 เปลี่ยน
• เปลี่ยนความมั่นคงทางทหารให้เป็นความมั่นคงของมนุษย์
• เปลี่ยนให้ชุมชนกำหนดอนาคตการพัฒนาแทนทุนใหญ่
• เปลี่ยนชายแดนเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
• เปลี่ยนเสียงประชาชนเป็นนโยบาย นำไปสู่การร่างกฎหมายที่ประชาชนมีส่วนร่วม
3 สร้าง
• สร้างเศรษฐกิจฐานรากจากนโยบายที่เรียกว่า “การทำงาน ณ ถิ่นกำเนิด” (Work from Hometown)
• สร้างสันติภาพผ่าน Smart Power
• สร้างสันติภาพที่กินได้ ผ่านความเข้าใจ ยอมรับและเคารพในความแตกต่างทางชาติพันธุ์ ศาสนาและความเชื่อ
4 สู้
• สู้เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพแห่งประชาชนอันเป็นสิทธิโดยกำเนิด
• สู้กับการใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม
• สู้เพื่อรักษาอัตลักษณ์และชาติพันธุ์
• สู้เพื่อให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางของชาติ
นโยบายพรรคเป็นธรรม
• ยุบการปกครองส่วนภูมิภาค เห็นด้วยกับการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง
• พัฒนาเศรษฐกิจชายแดน
• สร้างสันติภาพในปาตานี
• ยกเลิกกฎหมายพิเศษทุกฉบับที่ใช้ในปาตานี
• แก้ไขกฎหมายความมั่นคง
• ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
• ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม
• ปฎิรูปกองทัพ
• ถอนทหารออกจากพื้นที่ปาตานี
• ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
• ยุบ ศอ.บต.และ กอ.รมน.
• สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า
ที่มา : พรรคเป็นธรรม , Vote62