svasdssvasds

สุวัจน์ ชี้ ชาติพัฒนากล้า เอาประชานิยม เป็นเรื่องรอง ไม่อยากสร้างหนี้เพิ่ม

สุวัจน์  ชี้ ชาติพัฒนากล้า เอาประชานิยม เป็นเรื่องรอง ไม่อยากสร้างหนี้เพิ่ม

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ยืนยันว่า พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ นโยบายประชานิยม เพราะทางพรรคมีข้อมูลทางเศรษฐกิจมาหมดแล้ว เห็นมาแบบทะลุปรุโปร่ง ดังนั้น พรรคไม่อยากจะสร้างหนี้เพิ่มให้กับประชาชนอีก

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์กับ สื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป ในโครงการี  Road to The Future : เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย”  โดยยืนยันว่า พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ นโยบายประชานิยม เพราะทางพรรคมีข้อมูลทางเศรษฐกิจมาหมดแล้ว เห็นมาแบบทะลุปรุโปร่ง ดังนั้น พรรคไม่อยากจะสร้างหนี้เพิ่มให้กับประชาชนอีก


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า ให้สัมภาษณ์รายการ Road to The Future เส้นทางผู้นำ ของเครือเนชั่น โดยช่วงแรกได้นำเสนอนโยบาย งานดี มีเงิน ของไม่แพง โคราชโนมิกส์ และแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ และประชาชนได้อย่างแท้จริง   จากนั้นผู้ดำเนินรายการ ให้นายสุวัจน์ สุ่มจับคำถามที่มาจากประชาชน ที่สะท้อนถึงปัญหาต่างๆและขอฟังแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยคำถามแรกนั้นได้ถามว่า มีจุดยืนอย่างไร ในระหว่าง2ขั้วอำนาจของโลก โดยที่ไทยยังได้รับประโยชน์สูงสุด  

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนากล้า  กล่าวว่า หลังเกิดปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด สงครามการค้า มีการแบ่งขั้วใหม่ทางเศรษฐกิจ ทำให้แต่ละประเทศต้องเลือกขั้ว บทบาทของไทย ในจุดยืนที่เหมาะสม ต้องเป็นมิตรกับทุกฝ่ายและต้องยืนอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี เมื่อเราเข้าได้กับทุกฝ่าย โดยอาศัยความร่วมมือกับอาเซียนเพื่อเป็นเกราะป้องกันผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้เรา ความมั่นคงในวันนี้ เป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การจะทำให้มั่นคงได้ ต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศให้เหมาะสม 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บริบททางสังคมโลกในวันนี้เปลี่ยนไปจากอดีต จึงต้องอาศัยความเป็นมิตรกับหลายๆประเทศ เพื่อลดศัตรู สมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกฯ ใช้ความเป็นผู้นำในอาเซียน ดำเนินนโยบาย เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ผลจากการดำเนินนโยบาย ทำให้ไทยและประชาชนต่างได้รับผลประโยชน์ ในวันนี้ก็เช่นกัน ต้องเอาเกียรติภูมิ ที่เรามีอยู่แล้วกลับคืนมา เพื่อให้มาเป็นภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจของเราด้วยอีกทาง 

สุวัจน์  ชี้ ชาติพัฒนา เอาประชานิยม เป็นเรื่องรอง ไม่อยากสร้างหนี้ให้ประชาชน
 

• ชาติพัฒนากล้าเห็นด้วย หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ  แต่อาจไม่ทุกจังหวัด

สำหรับจุดยืนในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการทุกจังหวัด สุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกฯ พรรคชาติพัฒนากล้า  กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่าราชการนั้น เห็นด้วย แต่อาจไม่ใช่จากทุกจังหวัด ในกทม. เป็นเมืองหลวง เมืองเศรษฐกิจ มีความสลับซับซ้อน จึงต้องมีตัวแทนจากคนกทม.เข้าไปบริหารจัดการปัญหาต่างๆ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการ ต้องดูจังหวัดที่มีความเหมาะสม มีอัตลักษณ์เฉพาะ เช่น ภูเก็ต เป็นเมืองท่องเที่ยว มีอัตลักษณ์ชัดเจน มีทรัพยากร มีทะเล มีสถาปัตยกรรม มีแหล่งอาหาร มีวัฒนธรรม มีเรื่องซอฟท์ พาวเวอร์ ถ้าได้ผู้ว่ามาจากการแต่งตั้ง อาจไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เพราะมาแล้วก็ไป อาจขาดความต่อเนื่องทางการบริหาร เช่นเดียวกับ นครราชสีมา กำลังจะมีรถไฟความเร็วสูง มีทรัพยากร ถูกยกให้เป็น ดินแดน3มงกุฎ โคราชได้มรดกโลกมาแล้ว 2 มงกุฎ คือ 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.เขตชีวมณฑล ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย และรอการประเมินรับรองอุทยานธรณีโลก หรือโคราชจีโอพาร์ค ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก ซึ่งผู้ว่าราชการ ควรมาจากคนท้องถิ่น มีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ส่วนตัวเห็นด้วยกับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกจังหวัดจะต้องมีการเลือกตั้ง ต้องดูทั้งความเหมาะสม โครงสร้างทางเศรษฐกิจ และทรัพยากร รวมทั้งเรื่องอื่นๆประกอบด้วย

  สุวัจน์  ชี้ ชาติพัฒนา เอาประชานิยม เป็นเรื่องรอง ไม่อยากสร้างหนี้ให้ประชาชน
• ต้องทำให้ อาชีพทหาร มีเกียรติ 

เมื่อถูกถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการยกเลิกการเกณฑ์ทหารและการปฏิรูปกองทัพ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า ตอบว่า ประเทศชาติต้องมีความมั่นคง มีทหาร เพียงแต่จะมีมากน้อยเพียงใด ต้องมาดู ทุกวันนี้ ทหารเกณฑ์ อาจถูกมองไปในทาง ไม่มีเกียรติ ถูกนำไปใช้เป็นคนใช้ หรือ คนขับรถ เราต้องทำให้ทหารเหล่านี้ มีเกียรติ มีความก้าวหน้า หรือแม้แต่นำเป็นข้อมูลอ้างอิงได้ หากผ่านการเกณฑ์ทหาร แล้วนำไปสมัครงาน ทำให้เขารู้สึกมีแต้มต่อ คนผ่านการเกณฑ์ทหารย่อมมีวินัย ความกตัญญู ความจงรักภักดี ถ้าเราทำให้ภาพลักษณ์เหล่านี้ยอมรับได้ ทำให้เขารู้สึกมีเกียรติ ศักดิ์ศรี ไปพร้อมกับการส่งเสริมอาชีพ เชื่อว่าน่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ 


การปฏิรูปกองทัพนั้น รัฐธรรมนูญ ก็ระบุชัด รัฐต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร กำลังพล ถ้าปฏิรูปกองทัพ ไม่ได้เป็นอะไรที่ไม่ดี เหมือนปฏิรูประบบส่วนราชการอื่นๆ บริบทความมั่นคง เปลี่ยนจากยุค50ปีที่แล้ว จากพรมแดน แต่วันนี้เราอยู่ในอาเซียน เรามีเพื่อนเยอะ มีนโยบายต่างประเทศเหมาะสม บทบาทในอาเซียน ดังนั้นความจำเป็นกำลังทหาร อาจจะลดน้อยลง เพราะขึ้นอยู่กับบริบท เราจะดำเนินนโยบายรักษาประเทศอย่างไร ทหารอย่างเดียว หรือ ต่างประเทศด้วย หรือว่า ไฮบริดคู่ขนาน ทำทั้ง2ส่วน ถ้าดำเนินนโยบายที่ถูกต้อง กองทัพก็ต้องดูว่า เป็นอย่างไร มีบุคลากรแค่ไหน กองทัพมีอยู่ปัจจุบัน เสริมสร้างศักยภาพประเทศได้เต็มที่หรือไม่ 


ถ้าทหารไม่ยุ่งการเมือง ที่เราพูดกันมาก เพราะมีบางส่วนมาเกี่ยวรัฐประหาร ยุ่งเกี่ยวการเมือง เมื่อไม่รบ ทหารแสดงบทบาทชัดเจนช่วงน้ำท่วม น้ำแล้ง หรือเกิดโรคระบาด ตนเห็นทหารไปช่วยเหลือชาวบ้าน แจกอาหาร ตั้งโรงครัว ถือเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ในการใช้ศักยภาพของกองทัพและกำลังคน ให้เกิดประโยชน์ช่วยเหลือชาวบ้าน

• นโยบายประชานิยม : ชาติพัฒนากล้าไว้เป็นเรื่องรองๆ 

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับนโยบายประชานิยมที่ใช้งบประมาณสูงลิ่ว นายสุวัจน์กล่าวว่า นโยบายพรรคชาติพัฒนากล้า ให้ความสำคัญเรื่องประชานิยมเป็นลำดับสุดท้าย จากข้อมูลทางเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ไม่รู้จะไปเก็บภาษีจากส่วนไหนเพิ่ม งบลงทุนก็เหลือน้อย โครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนไปเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ประกอบกับวันนี้ มีปัญหาค่าไฟ ค่าน้ำมันแพง เศรษฐกิจถดถอยอีก

"ตอนนี้ หนี้ประเทศ 60% ของ GDP หนี้ครัวเรือนอีก 90% ของ GDP  ดังนั้น ตอนนี้ ไม่ใช่เวลา ที่จะมา ทำเรื่อง "ประชานิยม" 

จากปัญหาดังกล่าว ประชานิยมควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่ควรเลี่ยง เราอยากเอาเบ็ดไปให้ประชาชน มากกว่าการให้ปลา พรรคชาติพัฒนากล้า ไม่อยากสร้างภาระให้ลูกหลาน เราให้ความสำคัญประชานิยมน้อย แต่สิ่งที่ควรทำ นำเอาจุดแข็งด้านการท่องเที่ยว การเกษตร ซอฟท์พาวเวอร์ นำเอาจุดแข็งมาต่อยอด เสริมความเข้มแข็งให้ประชาชน และดึงรายได้ต่างๆเข้าประเทศดีกว่า เมื่อเขาเข้มแข็งแล้ว อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งประชานิยม

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า

 นายสุวัจน์กล่าวอีกว่า เหตุที่ต้องเลือกพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะในวันนี้ประเทศอยู่ในความเสี่ยง ในวิกฤต แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนเป็นส.ส.หลายสมัย รัฐมนตรีหลายกระทรวง มีประสบการณ์ทางการบริหาร จากประสบการณ์ที่มีคิดว่าจะบริหารจัดการให้ประเทศชาติพ้นจากวิกฤตได้ บ้านเมืองมีปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ก็มีปัญหาเปรียบเหมือนก้อนกรวดในรองเท้า ทำให้การแก้ปัญหาประเทศต่างๆเดินไม่สะดวก พรรคชาติพัฒนากล้า มีจุดยืนชัด ไม่ทะเลาะกับใคร เดินทางสายกลาง ประณีประนอม ไม่สร้างความขัดแย้ง แต่จะสร้างเสถียรภาพทางการเมืองให้เกิดขึ้น ที่จะทำให้เกิดพลังในการแก้ปัญหา มองว่าตนก็มีความพร้อม ขอให้ไว้วางใจตนและพรรคชาติพัฒนากล้า จะกู้วิกฤตให้ประชาชนได้ 

• เยาวภา ชูต้องสร้างไอดอลทางกีฬา ให้เป็นแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ 

ด้าน เยาวภา บุรพลชัย  ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคชาติพัฒนากล้า ได้ให้สัมภาษณ์กับ SPRiNG ในประเด็นเรื่องนโนบายกีฬาของพรรคอีกด้วย ซึ่ง ณ เวลานี้ กำลังได้รับความสนใจ เพราะ ซีเกมส์ 2023 กำลังอยู่ในสปอร์ตไลท์

เยาวภา บุรพลชัย  ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคชาติพัฒนากล้า
"เราจะเพิ่มเงินรางวัลให้กับนักกีฬา อย่างเช่น ซีเกมส์ ปัจจุบันเหรียญทอง 3 แสนบาท  เราจะเพิ่มเป็น 1 ล้านบาท เหรียญทองเอเชียน เกมส์ 5 ล้าน และเหรียญทองโอลิมปิก 20 ล้านบาท การให้เงินรางวัลสูงขึ้น ทำให้พ่อแม่ เห็นว่า เส้นทางการของเป็นนักกีฬานั้น มันมีอนาคต"  เยาวภา บุรพลชัย อดีตเหรียญทองแดงเทควันโด โอลิมปิก 2004 เผย

เยาวภา บุรพลชัย ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคชาติพัฒนากล้า

โดยหลักๆแล้ว ชาติพัฒนากล้า จะ สนับสนุนให้ประชาชนทั่วไปและเยาวชนได้ออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพ และสร้างความรักความสามัคคี ให้มีสถานที่ออกกำลังกายให้ทั่วถึง ในระดับหมูบ้าน ตำบล อำเภอ ในทุกจังหวัด โดยจัดให้มี mini sport complex และ mini fitness ให้ทั่วถึง , จัดตั้งกองทุน Soft power 10,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกีฬาที่เป็น soft power ที่สำคัญของชาติ เพื่อให้มีเงินทุนในการสนับสนุนด้านกีฬา ให้เกิดประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างความสุข เช่น การสร้างนักกีฬาดาวรุ่งจากเยาวชนสู่ระดับโลก การจัดกีฬาระดับโลก 

related