เลือกตั้ง 2566 จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พา 33 สส. กทม.พบปะสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป มั่นใจอุดมการณ์ เรียกศรัทธาประชาชนกลับมาเลือกพรรค อยู่ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย ขณะที่ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ย้ำเลือดใหม่ ปชป. พร้อมเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค , น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง , นายสุชชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. เพื่อนำเสนอนโยบายและกลยุทธ์เพื่อคน กทม. ในงาน Road To The Future เลือกตั้ง 66 อนาคตประเทศไทย จัดโดย “เครือเนชั่น” หรือ เนชั่น กรุ๊ป
โดย นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวว่า คะแนนกรุงเทพมหานครของพรรคประชาธิปัตย์ฟื้นขึ้นมา เพราะบุคลากรของพรรคทำพื้นที่ต่อเนื่อง ไม่เคยทิ้งประชาชน โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา จนทุกวันนี้ ยังมีประชาชนเข้ามาขอบคุณและเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในสายตาของคนกรุงเทพฯ และเป็นคะแนนสะสม ทั้งนี้ เช่นเดียวกับคะแนนทั่วประเทศ ที่สะท้อนให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ ยุคใหม่ ในการลุยเลือกตั้ง 2566 ทำได้ไว ทำได้จริง โดยเฉพาะเรื่องนโยบายประกันรายได้ และการส่งออกที่ส่งผลโดยตรงกับชาวกรุงเทพฯและผู้ใช้แรงงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนเคยประกาศว่า
คนกรุงเทพฯ คือ ลมหายใจของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 เพราะคนกรุงเทพฯ
“มีผู้แทนจำนวนมากมายตั้งแต่อดีต มีอดีตหัวหน้าพรรค ตั้งแต่ นายชวน หลีกภัย , นายบัญญัติ บรรทัดฐาน , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายท่านเป็นคน กทม. แม้ผมจะเป็น พังงา ก็อยู่ กทม. มาอย่างยาวนาน ทั้งนี้การเป็นคนจังหวัดไหนไม่สำคัญ สามารถทำงานให้คนกรุงเทพฯและคนทั่วประเทศได้ ” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าต่อไปชั่วฟ้าดินสลาย เพราะพิสูจน์มาแล้ว ผ่านวิกฤตมาเยอะ มีคนออก มีคนเข้า แต่ยังอยู่มาได้ จึงสามารถพูดได้ว่าเป็นสถาบันทางการเมือง แม้มีคนเก่าออกก็มีคนใหม่เข้ามา รุ่นต่อรุ่น ที่สร้างขึ้นมาด้วยพลังของพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวถึงยุทธศาสตร์ช่วงโค้งสุดท้าย ว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำงานพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งสัญญาณให้เห็นว่าการเลือกพรรคประชาธิปัตย์จะได้อะไร การเลือกประชาธิปัตย์คือทางรอด จากการทำงานที่ผ่านมาประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นว่าแม้ในช่วงวิกฤติโควิดและวิกฤติสงคราม แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปปัตทำได้คือในเรื่องของการส่งออกที่ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ในการแก้ไขปัญหาทั้งฐานรากและระดับประเทศ
ขณะที่ น.ส.วทันยา บุนนาค กล่าวถึงกระแสเลือดไหลของพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าก็รู้สึกเสียดาย ซึ่งก็แล้วแต่การตัดสินใจ โดยส่วนตัวมองในทางตรงกันข้ามว่า เลือดที่ไหลออกเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้คนรุ่นใหม่ ที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง ตั้งใจเดินเข้ามาเพื่อทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง และมั่นใจว่าคนกรุงเทพฯเบื่อการเมืองแบบเดิมๆ อยากให้คนการเมืองรุ่นใหม่ มีอุดมการณ์เข้ามาทำงานการเมือง
“มั่นใจอย่างยิ่งว่า ส่วนผสมของผู้มีประสบการณ์ร่วมกับคนรุ่นใหม่ ที่กำลังเดินเข้ามาเป็นเลือดใหม่ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และขอย้ำว่าในทุกประวัติศาสตร์การเมือง การเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ย่อมได้ของใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน” น.ส.วทันยา กล่าว
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ ซึ่งวันนี้เป็นวันเกิดของ ดร. เอ้ ที่อายุครบ 51 ปี กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานอย่างต่อเนื่องและเข้าใจอย่างจริงจัง โดยมีวิธีการที่ทันสมัย ไม่ล้าหลัง และขอย้ำว่า เมื่อเข้าสภาทันที นโยบายกรุงเทพต้องไม่จมน้ำ และประกาศแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ด้าน พงศกร ขวัญเมือง ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย เขตคลองเตย เขตวัฒนา เปิดใจบนเวที โดยยืนยันว่า การที่เขามาอยู่กับประชาธิปัตย์นั้น เป็นการเลือกทางเดินที่ทางจากคุณพ่อ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่เป็นส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรค รวมไทยสร้างชาติ ลำดับที่ 20 โดยส่วนตัวได้ศึกษานโยบายสาธารณะมาโดยตรง ซึ่งต้องอาศัยการเมืองระดับประเทศมาผลักดัน จึงขอโอกาสให้ประชาชนเลือกตนเป็นผู้แทนในการทำนโยบายให้เป็นจริง
ขณะที่ นายกิตพล เชิดชูกิจกุล ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 21 ประกอบด้วย เขตประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน) เขตสะพานสูง (เฉพาะแขวงทับช้าง) กล่าวถึง ปัญหาการคมนาคม และความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งมีหลายชุมชนที่แออัด และเกิดปัญหา เนื่องจากเป็นพื้นที่ชั้นนอก และมีการก่อสร้างค่อนข้างมาก ซึ่งตนได้เห็นถึงปัญหา และตั้งใจศึกษา เข้าถึงปัญหา และตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ได้