พิธา นำ 33 ส.ส. กทม. ก้าวไกลพบสื่อ เนชั่น กรุ๊ป ย้ำชัดเจน จริงใจ ไม่จับมือทหาร

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารของพรรคก้าวไกล อาทิ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค นายพิจารณ์  เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ฝ่ายกิจการสภา มาพบปะสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป  โดยแนะนำว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. 33 คน ของพรรคก้าวไกล พร้อมกับเปิดให้สัมภาษณ์เจาะลึกถึงนโยบาย ยุทธศาสตร์ของพรรคให้สื่อในเครือเนชั่นได้รับทราบเพื่อสื่อสารไปยังประชาชนประกอบการตัดสินใจ 

โดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันอย่างชัดเจนว่า หากใครที่เลือกก้าวไกลนั้น จะได้ ความชัดเจน นั่นคือ ไม่จับมือกับทหาร  มีความจริงใจในนโยบาย มีการชี้แจงอย่างชัดเจนว่างบประมาณ 650,000 ล้านบาทที่พรรคก้าวไกลหาเสียง และเป็นการชูนโยบายของพรรคนั้นมาจากไหน โดยชู พรรคก้าวไกล  เป็นพรรค คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจคนรุ่นใหญ่  

นอกจากนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังบอกอีกว่า ถ้าหากเลือกก้าวไกล จะได้ ปัด 2 ป. ตกจากเวทีการเมืองหลังเลือกตั้ง 2566 นั่นคือ ปัด พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร  และยังได้อีก 1 ป. นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มาสู่ยุคคนรุ่นใหม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เนชั่นโพล ครั้งที่ 1 ผลสำรวจเลือกตั้ง 66 แพทองธาร นำโด่ง คนอยากเลือกเป็นนายก
• 7 ข้อห้ามผู้ใช้สิทธิ กาบัตรเลือกตั้ง 2566 ใครทำผิด คุก 10 ปี ปรับ 2 แสน
• บ้านใหญ่ - ตระกูลดัง อยู่พรรคไหนกัน ในศึกเลือกตั้ง 2566

เท่าพิภพ ย้ำจะผลักดันสุราก้าวหน้า และ EIA ช่วยคนเสียผลประโยชน์

ด้าน เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีตส.ส. จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยืนยันชัดเจนว่าจะผลักดัน เรื่องสุราก้าวหน้า โดยพรรคก้าวไกล เล็งเป้าหมายใหญ่เสมอ แม้จะไม่มีเงินทุน และนอกจากนี้ เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ยังย้ำกับ SPRiNG ว่า ณ ตอนนี้ โฟกัสเรื่อง EIA  (Environmental Impact Assessment) หรือ “การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม” คือการประเมินผลกระทบจากโครงการพัฒนาในด้านต่างๆ โดยการประเมินนี้จะดูเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของผู้คนในชุมชนโครงการและละแวกใกล้เคียง ความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อระบบนิเวศ ดูธรรมชาติที่จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะดูทั้งในทางบวกและทางลบ

ถ้าพูดกันง่ายๆ EIA นั้นเป็นการประเมินเพื่อดูว่าโครงการนั้นๆ สามารถทำได้หรือไม่ โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดูว่า โครงการที่มาขอประเมินส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ มากไหม ถ้าส่งผลเสียมาก EIA ไม่ผ่าน  โครงการก็จะถูกระงับก่อสร้าง แต่ถ้า EIA ผ่านก็สามารถสร้างโครงการต่อได้นั่นเอง โดยหาก  เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร  เข้าไปเป็น ส.ส. อีกครั้ง เขาจะเข้าไปเป็นตัวแทน เป็นปากเสียงให้กับ ผู้คนประชาชนที่เสียผลประโยชน์

ขณะเดียวกัน ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกล เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย เขตพระนคร, เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, เขตสัมพันธวงศ์, เขตดุสิต (ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) และเขตบางรัก จะชูและเน้นเรื่อง เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และจะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และจะทลายกลุ่มทุนผูกขาด รวมถึงส่งเสริม SME และ กลุ่ม  Start Up 

ทนายแจม อยากแก้ คมนาคม ฟีดคนเข้าเมืองให้ง่ายขึ้น 

ส่วน ทนายแจม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์  ผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกล เขตสายไหม (ยกเว้นแขวงออเงิน) ชี้ประเด็นให้เห็นว่า การเดินทางของคนกรุงในแถบชาน มีปัญหาเรื่องการคมนาคม ขาดอัตลักษณ์ท้องถิ่น และขาดการโปรโมตจุดเด่นต่างๆของชุมชน ดังนั้น ทนายแจม น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ มองว่า หากได้เป็น ส.ส. ในการเลือกตั้ง 2566 จะผลักดันให้เกิดคอมมูนิตี้ ของกลุ่มคนชานเมือง และต้องแก้การคมนาคม ต้องฟีดคนเข้ามาทำงานในหัวใจของเมืองให้ดีกว่านี้  การเดินทางต้องคล่องตัวกว่านี้ 

 

ก้าวไกลย้ำ ปรับเปลี่ยนรูปแบบกองทัพ

ด้าน ธนเดช เพ็งสุข ผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกล เขตเลือกตั้งที่ 13 ประกอบด้วย เขตลาดพร้าว (ยกเว้นแขวงจรเข้บัว) เขตบึงกุ่ม (ยกเว้นแขวงคลองกุ่ม) ชูประเด็นที่ค่อนข้างร้อนแรง นั่นคือ เน้นย้ำประเด็นเรื่อง กองทัพ ต้องมีการปรับเปลี่ยน เรื่องการเกณฑ์ทหารนั้น จะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และเปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจทั้งหมด โดยไม่กระทบต่อภารกิจในการรักษาความมั่นคง ผ่านการ   นอกจากนี้ จะพยายายาม ลดยอดพลทหารที่กองทัพเรียกขอที่ไม่จำเป็นต่อภารกิจความมั่นคง (เช่น ยอดผี พลทหารรับใช้ งานที่ไม่เกี่ยวกับความมั่นคง) และ สร้างแรงจูงใจในการสมัครเป็นทหาร (เช่น การสร้าง สวัสดิภาพ-สวัสดิการ-ความก้าวหน้าทางอาชีพที่ดี การกำจัดความรุนแรงในค่าย)

นาย เฉลิมชัย กุลาเลิศ ผู้สมัคร ส.ส. ก้าวไกล  เขตเลือกตั้งที่ 5 ประกอบด้วย เขตห้วยขวาง เขตวังทองหลาง (ยกเว้นแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) เน้นย้ำประเด็นเรื่อง ประกันสุขภาพ โดยจะ เพิ่มเงินผู้สูงวัยให้เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า เดือนละ 3,000 บาท ภายใน 4 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้น และจะพยายาม ผลักดัน ปรับระบบค่าแรงขั้นต่ำให้มีการปรับขึ้นทุกปีตามค่าครองชีพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อให้แรงงานได้ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมจากการเติบโตของเศรษฐกิจ และเพื่อให้ผู ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจของตัวเองในแต่ละปีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้เริ่มต้นที่วันละ 450 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อและดัชนีค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยที่ค่าแรง 300 บาทต่อวัน ถูกประกาศใช้เมื่อปี 2554

หมิว สิริลภัส ชู นโยบาย สวัสดิการทุกช่วงวัย

ปิดท้ายที่ น.ส.สิริลภัส กองตระการ หรือ หมิว ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตเลือกตั้งที่ 14 ประกอบด้วย เขตวังทองหลาง (เฉพาะแขวงคลองเจ้าคุณสิงห์) เขตบางกะปิ เปิดเผยว่า ตัวเธอนั้น อยากผลักดันประเด็น สวัสดิการทุกช่วงวัย เพิ่มเงินผู้สูงวัยให้เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า เดือนละ 3,000 บาท ภายใน 4 ปี เพื่อให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และมีความมั่นคงทางการเงินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรื่องการพิสูจน์ ความเป็นผู้พิการของแต่ละพื้นที่ เธอย้ำกับ SPRiNG ว่า มันควรจะทำเครือข่ายการตรวจสอบให้ง่ายกว่าเดิม และ จะต้องไม่สร้างภาระการเดินทางให้กับผู้พิการ