svasdssvasds

เปิดนโยบาย 6 พรรค ผลักดัน Soft Power ขุมกำลังสำคัญ ส่งไทยยืนหนึ่งเวทีนานาชาติ

เปิดนโยบาย  6 พรรค ผลักดัน Soft Power ขุมกำลังสำคัญ ส่งไทยยืนหนึ่งเวทีนานาชาติ

เปิดนโยบาย 6 พรรคการเมือง ผลักดัน Soft power ขุมกำลังสำคัญ ส่งไทยยืนหนึ่งเวทีนานาชาติ จาก งานสัมมนา “อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?” ที่จัดขึ้นโดยสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป

งานสัมมนา “อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?” ที่จัดขึ้นโดยสื่อในเครือเนชั่น กรุ๊ป ณ โรงแรม พูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ รางน้ำ วันที่ 14 มีนาคม 2566  ในส่วนของ Session ที่ 2 เป็นช่วงของการ  เปิดนโยบายพรรคการเมืองไทย ผลักดัน Soft power สู่ระดับโลก ซึ่งได้มุมมองที่น่าสนใจ และโดดเด่นมากมาย ในการนำพา พลังของ Soft Power ให้เป็นกุญแจสำคัญของประเทศ ในการนำพาให้ไทยแข็งแกร่งขึ้น 


โดย สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ ชี้ ให้เห็นว่าที่ผ่านมาประเทศไทย เป็นประเทศที่ได้เปรียบเรื่อง Soft Power แต่เสียเปรียบในเรื่องของเทคโนโลยี (หรือ Strong Power) ดังนั้นรัฐต้องใช้จุดแข็ง จุดนี้ ในการชูให้เด่นในเวทีโลก โดย ชาติพัฒนากล้า ได้ชูประเด็นเรื่องเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power อาทิ  “เศรษฐกิจสีขาว” เศรษฐกิจสายมู ตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวสายมูที่เป็นเทรนด์ใหม่ในโลก จังหวัดละ 1 พันล้าน หรือ  “เศรษฐกิจสีเขียว” กรีนอีโคนีมี เศรษฐกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน ต้องแยกระบบสายส่งออกจากการไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบสายส่งของรัฐ ขยายพื้นที่ป่าเป็น 40% หรือ 26 ล้านไร่ของประเทศ ด้วยการออกพันธบัตรป่าไม้มูลค่า 65,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้ประชาชน ทั้งการขายพืชเศรษฐกิจและคาร์บอนเครดิต   และ “เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” เศรษฐกิจสายเทค เป็นต้น

สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย  ได้ให้ความเห็นในเวที  “อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?” ได้อย่างเผ็ดร้อน พร้อมกับเครื่องแต่งกาย "กางเกงช้าง" ซึ่งกำลังจะเป็นกำลังนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว  

โดยชี้ว่า การผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ คือการนำความเป็นไทย รวมกับวัฒนธรรมแบบไทยแท้ ดังนั้นการสนับสนุนต้องรู้ เช่น ประเทศไทยมีวัฒนธรรม เครื่องดื่มสุรา ซึ่งสามารถสร้างมูลลค่าการตลดได้ 4แสนล้านบาท ซึ่งเท่าากับประเทศญี่ปุ่น แต่ประเทศไทยมีสุราไม่กี่ยี่ห้อ มีผู้ผลิตไม่กี่บริษัท แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นมีสุราหมื่นยี่ห้อ ดังนั้นต้องสนับสนุนท้องถิ่นให้สุราท้องถิ่นเป็นซอฟท์พาาวเวอร์ของไทย ไม่ใช่ให้กลุ่มทุนอย่างเดียว 

นอกจากนี้ น.ต.ศิธา ทิวารี  ยังให้ความเห็นว่า  Soft Power จะเป็นแหล่งรายได้ของประเทศอย่างมหาศาล  และไม่มีวันหมด  โดยหากตีความหมายที่แท้จริงแล้ว  Soft Power นั่นคือ thainess (ความเป็นไทย) บวกกับ Global Mindset (สำนึกโลก) , โดยที่ผ่านมา นั่นประเทศไทย ในประเด็น  Soft Power ยังไปได้ไม่ดี นั่นเป็นเพราะ ประเทศไทยอยู่ในยุคที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้นำ ซึ่งไม่ได้ถนัด  Soft Power แต่เก่งแต่ใช้ hard power

น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการ พรรคไทยสร้างไทย ใส่กางเกงช้าง บนเวที  “อนาคตประเทศไทย Soft Power ขับเคลื่อนประเทศ?”

ฝั่ง อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้เปิดมุมมองเรื่อง นโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์  โดยได้ชี้ให้เห็น ภาพใหญ่ของซอฟต์ พาวเวอร์ ประเทศไทย อยู่ที่ 1.22 ล้านล้านบาท 7.5 % ของจีดีพี มีแรงงานกว่า 9 แสนคน ในอุตสาหกรรมดังกล่าว แต่นโยบายของรัฐบาลไม่ชัดเจน คนที่ประสบความสำเร็จได้มักจะใช้ความสามารถ และเงินทุนของตัวเอง  โดย พรรคก้าวไกล ยังชูนโยบาย  ในประเด็น Soft Power อีกว่า จะสนับสนุนให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นอุตสาหกรรมระดับชาติ โดยจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างงบประมาณเสียใหม่ สร้างสวัสดิการให้แรงงานให้ดีกว่าเดิม , อกจากนี้ต้องจัดตั้งกองทุนเชิงสร้างสรรค์ โดยปรับเนื้อหาของกองทุนให้กว้าง และหลากหลายมากขึ้น

อภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์


ด้าน จิราพร สินธุไพร สส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย มองว่า Soft Power เปรียบเสมือนเครื่องมือในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และ Soft Power จะเป็นสิ่งที่ทำให้ไทย ขยับจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ ประเทศรายได้สูง  โดยนโยบายเพื่อไทย หลักๆ คือ 1. พัฒนากองทุนมนุษย์ , 2 สร้าง ecosystem ทุกอุตสาหกรรม โดยไทยจะต้องมี  Thailand Creative Content Agency, 3. ต้องผลักดัน Soft Power ไทยไปสู่ต่างประเทศ แต่เงื่อนไขที่สำคัญที่สุด คือ ประเทศไทยต้องมีประชาธิปไตยซึ่งต้องได้รับการยอมรับจากต่างชาติและ พลังทางวัฒนธรรมของไทยจะไปได้ดีกว่าเดิม

จิราพร สินธุไพร สส. จังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย


ขณะที่ นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ว่า กุญแจดอกสำคัญที่สุด คือต้องผลักดันศิลปะและสื่อบันเทิง  และไทยเราต้องเป็นคนกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งการขับเคลื่อนและส่งออก ผ่านทางอุตสาหกรรมบันเทิง เอง 

โดย นางวทันยา บุนนาค ยังยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ จากเกาหลีใต้ ในการผลักดัน Soft Power  โดยการสอดแทรกวัฒนธรรมต่างๆไปในเนื้อหา เพื่อก่อให้เกิดกระแสนิยม แต่ความสำเร็จไม่ได้มาง่ายๆ เกาหลีใต้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ระบบนิเวศ เงินทุน และกฎหมาย โดยตั้งแต่ปี 1999 รัฐบาลเกาหลีสร้างมหาวิทยาลัยศิลปะแห่งชาติ พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจทั้งประเทศ

“อีกปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จคือการสร้างสำนักงานส่งเสริมคอนเทนต์แห่งสาธาราณรัฐเกาหลี (Korea Creative Content Agency; KOCCA) โดยดำเนินการเชื่อมโยงภาคประชาชน เอกชน และภาครัฐ บูรณาการการทำงานเชื่อมโยงเข้าด้วยการ พร้อมอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ และทำความร่วมมือเชื่อมโยงระหว่างประเทศเกาหลีใต้และต่างประเทศ พร้อมให้ทุนในระดับสตาร์ทอัพ”
.

นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์

นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์


ปิดท้ายที่ นิกร จำนง ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา  ชี้ว่า การท่องเที่ยวสามารถดึงรายได้จากการท่องเที่ยวมหาศาล แต่ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวขนาดเล็ก ล้มหายตายจาก แม้รัฐจะมีเงินทุนช่วยแต่ช่วยไม่ถึงมือ เพราะสถาบันการเงินไม่สนับสนุน ดังนั้นพรรคมีนโยบายกองทุนฟื้นฟูซอฟท์พาวเวอร์  อย่างไรก็ดีในภาพยนตร์ไทยที่ต่างชาติชื่นชม เพราะมีความประทับใจน้ำใจของคนไทยและการนำเสนอความสนุกสาร ดังนั้นต้องค้นหาความเป็นไทยจริงๆ  ไม่ใช่ส่งเสริมเรื่อยเปื่อย ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังอย่าให้ซ้ำรอยเกาหลีใต้ ที่ Soft Power เข้มแข็งแต่พบว่ารายได้นั้นเข้าไปที่บริษัท ดังนั้นเราต้องให้รายได้กระจายไปถึงมือประชาชน

โดย พรรคชาติไทยพัฒนา จะตั้งกองทุนฟื้นฟูวัฒนธรรม , กองทุนส่งเสริม Street Food และ ที่สำคัญ ไทยต้องสร้าง Soft Power ใหม่ที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย 


นิกร จำนง ประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา

related