เปิดสถิติเด็กหายปี 65 สูงขึ้นในรอบ 4 ปี กทม.แชมป์เด็กหายมากสุด

พล.ต.ต. ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ร่วมกับกองทะเบียนประวัติอาชญากร  กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. / และศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ร่วมกันจัดแถลงข่าวเรื่องภาพรวมของสถานการณ์เด็กหายและการเฝ้าระวังภัย

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งเด็กหายของมูลนิธิกระจกเงา ในปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 251 ราย ซึ่งถือว่ามีสถิติเพิ่มสูงขึ้นกว่าในรอบ 4 ปี โดยสูงกว่าปี 2564 ที่มีสถิติเด็กหาย 202 คน หรือ.คิดเป็น 25% / สถิติปี 2565 พบว่าสาเหตุหลักกว่า 61% หรือ 161 ราย มาจากเด็กที่สมัครใจหนีออกจากบ้าน / รองลงมาคือ กลุ่มเด็กที่มีพัฒนาการช้า มีความพิการทางสติปัญญา หรือป่วยทางจิตเวช สูญหายกว่า 21% หรือ 52 ราย และมีเด็กถูกลักพาตัว 2 ราย

สำหรับช่วงอายุเฉลี่ยของเด็กหายออกจากบ้าน มากที่สุด  คือช่วงอายุ 11-15 ปี รวม 157 ราย รองลงมาคืออายุ 16-18 ปี รวม 67 ราย และช่วงแรกเกิดถึงสิบขวบ รวม 28 ราย ทั้งนี้ ช่วงอายุ 11-15 ปี เป็นกลุ่มมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อ เป็นช่วงวัยที่มีสังคมเพื่อน ช่วงวัยที่เข้าถึงเทคโนโลยี และมีแรงขับทางเพศตามธรรมชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• โรม่าใช้โซเชียลจัดแคมเปญช่วยเหลือ "เด็กหาย" ทุกครั้งที่เปิดตัวนักเตะใหม่

• AMBER Alert ไทย ใช้ยังไง ? ระบบช่วยตามหาเด็กหาย-ถูกลักพาตัว ด้วยพลังโซเชียล

ปี 2565 จังหวัดที่มีเด็กหายออกจากบ้านมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 70 ราย / นนทบุรี 17 ราย / สมุทรปราการ 17 ราย / ปทุมธานี 16 ราย / ชลบุรีและนครปฐม สูญหายจังหวัดละ 9 ราย / และพระนครศรีอยุธยา 8 ราย

ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นจังหวัดขนาดใหญ่และมีการเคลื่อนย้ายครอบครัวเพื่อมาทำแรงงาน ซึ่งอาจจะมีปัญหาเด็กหายได้ง่าย

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์เด็กหาย พบว่าในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ปี 2565 มีสถิติรับแจ้งเด็กหายเพิ่มสูงขึ้น โดยกลุ่มวัยรุ่นอายุ 11-15 ปี ถือว่ามีความเสี่ยงในการตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยเฉพาะเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว ทำให้เด็กหันไปพึ่งพาหรือให้ความไว้วางใจแก่เพื่อนหรือคนที่เพิ่งรู้จักในโลกออนไลน์มากกว่าคนในครอบครัว จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านได้โดยง่าย 

“ ถึงแม้ว่าเด็กจะสมัครใจหนีออกจากบ้านเอง แต่โลกภายนอกบ้านย่อมมีอันตรายหลายอย่างสำหรับเด็ก ทั้งการคุกคามหรือหาประโยชน์ทางเพศกับเด็ก หรือมีความเสี่ยงในการถูกล่อลวง หรือกระทำความรุนแรง นอกจากนี้ยังมีเด็กที่หายออกจากบ้านและต่อมาพบว่าไปฆ่าตัวตายด้วยเนื่องจากไม่สามารถเอาตัวรอดในสังคมได้”

ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผู้กำกับการฝ่ายทะเบียนประวัติอาชญากร 2 กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้ประสานให้ความร่วมมือในการใช้กระบวนการวาดภาพสเก็ตช์เด็กหายให้มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน หรือ Age Progression ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล โดยเด็กหายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ยังตามหาไม่พบ จะสเก็ตช์ภาพเพิ่มอายุทุก 2 ปี ส่วนเด็กหายที่มีอายุเกิน 18 ปี จะทำการสเก็ตช์ภาพทุก 5 ปี ซึ่งช่วงเวลาเหล่านั้น จะเป็นช่วงเวลาที่ลักษณะใบหน้าและลักษณะกายภาพจะมีการเปลี่ยนแปลง ภาพสเก็ตซ์ในส่วนนี้จะใช้ภาพเดิมประชาสัมพันธ์คู่กัน เป็นเครื่องมือที่จะทำให้เพิ่มโอกาสให้พลเมืองดีจดจำคนหายได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันได้สเก็ตซ์ภาพเด็กหายร่วมกับมูลนิธิกระจกเงา มากกว่า 10 ราย

โดยในวันนี้ได้เปิดตัวภาพสเก็ตซ์ของนายธีรวุฒิ ทัศนาพร หรือน้องกระติ๊บ อายุขณะหาย 16 ปี ซึ่งหายตัวไประหว่างขึ้นรถไฟไปโรงเรียนที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2561 หรือเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยปัจจุบันน้องกระติ๊บจะมีอายุครบ 20 ปี และภาพสเก๊ตซ์ของ ด.ญ.จีรภัทร ทองชุม หรือน้องจีจี้ อายุขณะหาย 9 ปี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2553 จากปั๊มน้ำมันใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มาจัดแสดงด้วย โดยปัจจุบันน้องจีจี้จะมีอายุ 22 ปี ซึ่งเป็นตัวอย่างการสเก็ตซ์ภาพอายุปัจจุบันของน้องที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อใช้สำหรับการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ติดตามตัวอีกทางหนึ่งด้วย

ด้าน พ.ต.ต.จักรี นารีผล สารวัตร กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. กล่าวยกตัวอย่างคดีที่ได้รับการประสานงานจากมูลนิธิกระจกเงา และ บก.ปคม. โดยให้การช่วยเหลือ ด.ช.จีโอ อายุ 13 ปี ชาวกัมพูชา หายตัวไปจากบ้านใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 โดยจากการสืบทราบ พบว่า ด.ช.จีโอ ถูกผู้ก่อเหตุชื่อนายหมึก อายุ 55 ปี ชักชวนไปกินขนมและเที่ยวเล่น จนเด็กเกิดหลงเชื่อเกิดความไว้วางใจ และพาเด็กไปเร่ขอทานในสถานที่สาธารณะ ซึ่งทางตำรวจสามารถติดตามตัวและได้เบาะแสว่าผู้ก่อเหตุนำตัวน้องไปขอทานบนสะพานลอย ถนนอโศก-สุขุมวิท

ต่อมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 เวลา 22.30 น. ได้มีการสนธิกำลังเข้าให้การช่วยเหลือเด็กและจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งจากการสอบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้กระทำความผิดซ้ำ มีประวัติก่อคดีพรากเด็ก ในท้องที่ สน.มักกะสัน มาก่อน จึงขอฝากย้ำเตือนไปยังผู้ปกครองในการเฝ้าระวังเด็กโดยเฉพาะช่วงอายุ 4-8 ขวบ จะมีความเสี่ยงสูงสุดในการถูกลักพาตัวเหมือนอย่างคดีตัวอย่าง โดยปัจจัยเสี่ยงสูงสุด คือการที่ผู้ปกครองปล่อยเด็กวิ่งเล่นตามลำพัง แม้ว่าบริเวณที่เด็กวิ่งเล่นจะคุ้นเคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก แต่ผู้ไม่หวังดีอาจจะใช้โอกาสนี้เข้ามาตีสนิทพูดคุยกับเด็กเมื่อเด็กอยู่ตามลำพังเพื่อหลอกล่อให้เด็กตายใจ แล้วฉวยโอกาสนี้ก่อเหตุลักพาตัวได้

ส่วน พล.ต.ต.ศารุติ กล่าวเตือนบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองว่า ให้ระมัดระวังป้องกันเด็กสูญหายพลัดหลง โดยเฉพาะวันเด็กแห่งชาติที่กำลังจะมาถึงนี้ โดยฝากข้อควรระวังแก่บรรดาพาแม่ผู้ปกครองว่า / 1.ผู้ปกครองต้องจดจำรูปพรรณของลูก ส่วนสูง น้ำหนัก ตำหนิ รวมถึงสีเสื้อผ้าของลูกให้ดี / 2.ให้ถ่ายรูปล่าสุดพร้อมชุดที่สวมใส่ของลูกก่อนออกจากบ้าน / 3.ทำป้ายชื่อ เบอร์ติดต่อครอบครัวแล้วนำมาติดตัวเด็กไว้ / 4.สอนลูกในกรณีที่เกิดการพลัดหลง ให้นัดเจอกันจุดไหน หรือให้ขอความช่วยเหลือจากใคร เช่น ตำรวจ รปภ. เป็นต้น / 5.สอนลูก หากตกอยู่ในอันตราย เช่น มีคนแปลกหน้าจูงมือไป หรือเข้ามาคุยตีสนิท ให้ตะโกนขอความช่วยเหลือทันที

“ หากเกิดการสูญหาย เบื้องต้นให้ตรวจสอบพื้นที่ที่เด็กอาจจะหลงไปและอาจจะพลัดหลง เข่น แหล่งน้ำ หรือป่ารกร้าง รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดที่เด็กหาย และสามารถให้โทรแจ้งสายด่วน บก.ปคม. เบอร์ 1191 หรือ แจ้งความเด็กหายที่สถานีตำรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอครบ 24 ชม.”