เลื่อน! โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และเปิดผับถึงตี 4 ให้ ครม.พิจารณารอจัดสรรงบประมาณให้เรียบร้อย ส่วนเสนอเปิดผับ-บาร์ ได้ถึง ตี 4 คาดนำร่องที่ภูเก็ต รอชงอีกที 20 ธ.ค.นี้
วันที่ (6 ธ.ค.65) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนอของขวัญปีใหม่ทั้ง โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และเปิดผับถึงตี 4 ให้ครม.พิจารณา เพราะต้องรอให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณที่จะนำมาใช้โครงการนี้ก่อน
ส่วนของขวัญปีใหม่ที่กระทรวงฯ จะมอบให้แบ่งเป็นโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 จำนวน 1.5 ล้านสิทธิใหม่ วงเงิน 5,400 ล้านบาท โดยจะสมทุบค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวผ่านการเข้าพักโรงแรมและที่พัก สัดส่วน 40% มีคูปองอิเล็กทรอนิกส์ให้จำนวน 600 บาทต่อวันหรือห้องพัก ซึ่งสามารถใช้จ่ายในร้านที่เข้าร่วมโครงการได้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
ส่วนแนวทางการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. จากเดิม 02.00 น. ในพื้นที่หรือจังหวัดที่ได้รับความนิยมในการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดนำร่องได้ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้หลังเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) แล้ว ซึ่งความจริงอยากเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งจากต่างชาติ และเศรษกิจกลางคืน
“ทั้ง 2 โครงการจะเสนอให้ ครม.พิจารณาพร้อมกันทีเดียววันที่ 20 ธ.ค.นี้ เป็นแพคเกจของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้กับประชาชน และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ถึงเป้าหมาย 20 ล้านคน สร้างรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท”นายพิพัฒน์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการพิจารณาของขวัญปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชน ในช่วงปลายปี ว่า ขณะนี้หน่วยงานต่าง ๆ กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนจะทยอยพิจารณา และตอนนี้ก็ยังมีเวลาอยู่ ก่อนจะเสนอให้ครม. พิจารณา
"หลาย ๆ อย่างเป็นมาตรการต่าง ๆ ที่เป็นของหน่วยงาน ซึ่งต้องพิจารณาให้รอบคอบ และพยายามจะทำให้ดีที่สุด ไม่ใช่ทำเพื่อการเมือง แต่เป็นสิ่งที่เราทำมาทุกปีอยู่แล้ว อะไรที่ทำได้เราก็ทำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย และก็ต้องระมัดระวังอย่างที่สุด" นายกฯ กล่าว
ส่วนหนึ่งในของขวัญปีใหม่ที่คาดว่าจะนำเสนอเข้ามาในครม. ทั้ง ช้อปดีมีคืน และเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า น่าจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ หลังจากกลับมาจากการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหภาพยุโรป ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 - 15 ธันวาคมนี้ ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพิจารณาโครงการต่าง ๆ ต้องดูงบประมาณที่เรามีอยู่เพียงพอหรือไม่ อันไหนทำได้หรือทำไม่ได้ อันไหนที่ทำแล้วจะเป็นปัญหาต่อไปในวันข้างหน้า ก็ต้องดูให้ดี ถ้าเรามองการเมืองอย่างเดียว แน่นอนทุกคนต้องการมากที่สุดดีที่สุดใช่หรือไม่
แต่ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องให้มีการตรวจสอบคัดกรองให้ดี การใช้จ่ายงบประมาณแต่ละโครงการมันใช้มากน้อยเพียงใด ซึ่งก็อยากทำให้ประชาชน แต่เราก็ไม่อยากสร้างภาระทางการเงินการคลังในวันข้างหน้าด้วย และขอให้ระมัดระวัง