สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้บิ๊กตู่ลาออก ภายในวันที่ 24 ส.ค. นี้ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไม่ให้ผู้ใดเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี เพื่อป้องกันการสะสมและผูกขาดอำนาจ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุนำมาสู่การทุจริต และเกิดวิกฤตทางการเมือง
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิบัติตามข้อกำหนดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 (ฉบับปัจจุบัน) ที่ไม่ให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปี โดยมีรายละเอียดดังนี้
เหตุผลสำคัญที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจจากประชาชน คือ เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 บังคับเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 โดยมีหลักการสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ซึ่งเป็นหัวใจของการปฏิรูปการเมือง เพราะการที่บุคคลใดอยู่ในตำแหน่งทางการเมืองนานเกินไป จะก่อให้เกิดการสะสมอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการทุจริตได้
บทความที่เกี่ยวข้อง
Soft Power สไตล์บิ๊กตู่ ผลงานการแต่งเพลง ตลอด 8 ปี ที่เป็นนายกฯ
“บิ๊กตู่” อยู่ต่อ หรือพอแค่นี้ ขึ้นอยู่กับว่า 8 ปี นับจากช่วงเวลาใด ?
แม้จะมีการถกเถียงถึงการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วครบ 8 ปี เมื่อใด ได้แก่
(1) เริ่มนับตั้งแต่ ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการยึดอำนาจ เมื่อปี 2557 (วันที่ 24 สิงหาคม 2557) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้
(2) เริ่มนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ใช้บังคับ (วันที่ 6 เมษายน 2560) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 6 เมษายน 2568
(3) เริ่มนับตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 (วันที่ 9 มิถุนายน 2562) จะครบกำหนด 8 ปี ในวันที่ 9 มิถุนายน 2570 ก็ตาม
แต่การนับระยะเวลาดังกล่าว ต้องพิจารณาจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคท้าย ที่กำหนดว่า นายกฯ จะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินกว่า 8 ปี ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่
ประกอบกับในบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ที่มีบทบัญญัติรับรองและสนับสนุนกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ (วันที่ 6 เมษายน 2560) เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่
ดังนั้น เมื่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557 (ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้) จึงถือเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ภายใต้บังคับการนับระยะเวลาตาม มาตรา 158 วรรคท้ายและบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ด้วย ทำให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 นี้
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนี้ ที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งนายกฯ เป็นระยะเวลานานเกินไปนั้น ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 171
ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันการสะสมและผูกขาดอำนาจด้วยตำแหน่งหน้าที่ อันนำไปสู่การสร้างเครือข่ายและพวกพ้อง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุนำมาสู่การทุจริต และเกิดวิกฤตทางการเมือง ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติได้
ฉะนั้น หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีเจตนาเข้ามาเพื่อปฏิรูปการเมืองตามที่อ้างจริง เมื่อดำรงตำแหน่งนายกฯ ครบ 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 แล้ว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ควรลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
โดยมิต้องให้ประชาชนร้องเรียน หรือให้ศาลพิจารณา มิฉะนั้น วาทกรรมการปราบโกง ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยึดอำนาจจากประชาชนโดยอ้างว่า จะเข้ามาเพื่อปฏิรูปทางการเมืองและขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ก็จะเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองและพวกพ้องให้อยู่ในอำนาจต่อไป เสมือนเป็นการโกงอำนาจของประชาชนในทุกรูปแบบ โดยไม่สนแม้เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ