ใครที่ยังชื่นชอบดื่ม “น้ำฝน” คงต้องเลิกดื่มพร้อมโบกมือลาอย่างถาวรเสียแล้ว หลังนักวิทย์ได้ออกมาแจ้งเตือนในน้ำฝน มีสารก่อมะเร็งจากทั่วโลก! ล่าสุดสหรัฐฯ มีการตัดสินว่าน้ำฝนทุกที่บนโลก ไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค
เป็นที่รู้กันดีว่าคนไทยในบางจังหวัดยังคงนิยมดื่มกิน "น้ำฝน" เพราะมันทั้งสดชื่น และเย็นเจี๊ยบดับร้อนได้เป็นอย่างดี แต่ช้าก่อน! เพราะล่าสุดทางนักวิทย์พึ่งค้นพบสารก่อมะเร็งในน้ำฝนเข้าเสียแล้ว
หลังนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์มและ ETH Zurich ได้มีการตีพิมพ์ผลทางการศึกษาลงในวารสาร Environmental Science & Technology ว่าหลังจากที่พวกเขาตรวจพบร่องรอยของสาร PFAS หรือ สารเคมีตลอดกาล
ซึ่งเป็นสารเคมีขนาดใหญ่และใช้แพร่หลายในเชิงพาณิชย์ เจ้าสารเคมีชนิดนี้เป็นสารเคมีที่ถูกใช้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน อาทิเช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร ห่อป๊อปคอร์นและเสื้อผ้าต่างๆ
เพราะมีความเสถียร ทำให้ค่อยๆสะสม และคงอยู่ในสภาพแวดล้อมเป็นเวลายาวนานหลักร้อยปี และสารตัวนี้ได้ปนเปื้อนในน้ำฝนทั่วทุกแห่งบนโลกใบนี้! และนอกจากนี้ไม่ใช่เพียงแค่น้ำฝนเท่านั้นแต่ในหิมะก็เจอด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งสาร PFAS เป็นสารเคมีที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นในปี 1940 และพบการเชื่อมโยงของสารนี้ทำให้ฮอร์โมนหยุดชะงัก ก่อเกิดโรคมะเร็ง ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอส่งผลให้ร่างกายของผู้ที่รับสารนี้เข้าไปเปราะบางต่อโรคติดต่อ ความดันโลหิตสูง ทำลายตับ ไปจนถึงพัฒนาการทารกในครรภ์ทำให้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม
ทั้งนี้ทางศาสตราจารย์แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยสตอกโฮล์มและผู้เขียนรายงานการศึกษา เอียน คูซินส์ ได้กล่าวว่า แนวทางล่าสุดของสหรัฐฯ สำหรับเรื่องนี้ จะมีการตัดสินทันทีว่าน้ำฝนทุกที่บนโลกนั้นไม่ปลอดภัยสำหรับการบริโภค
“แม้เราจะไม่ได้บริโภคน้ำฝนกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ก็หวังให้ทุกคนบนโลกปลอดภัยจากการดื่มน้ำให้มากที่สุด”
ซึ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยเลย เพราะเดิมทีน้ำฝนนั้นมีภาพลักษณ์ที่ดูสะอาด ดื่มได้ ดูไม่มีพิษภัย และหลังจากที่มีการวิจัยนี้เกิดขึ้นก็คงต้องทำให้ประชาชนคนไทยที่ยังนิยมดื่มน้ำฝนอยู่ ต้องเลิกดื่มอย่างถาวรเพื่อรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากสารเคมีที่เป็นตัวก่อให้เกิดโรคร้ายแรงที่ใครก็ไม่อยากพบเจอ อย่าง โรคมะเร็ง และโรคอื่นๆ ตามมาอีกแน่นอน