หลังเหตุการณ์ไฟไหม้ ผับ Mountain B ที่สร้างความสลดใจให้ประชาชนชาวไทย ก็ไม่พ้นร้อนถึง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว พร้อมเน้นย้ำ 3 ขั้นตอนไม่ควรเพิกเฉยหากคิดจะเปิดผับ ก่อนซ้ำรอย ซานติก้า
ยังคงเป็นประเด็นร้อนกับ ไฟไหม้ผับชลบุรี หรือ เมาท์เท่นบี ผับ ที่ได้สร้างความสลดใจและข้อถกเถียงถึงโครงสร้างของร้านนี้กันเป็นวงกว้าง ไม่เว้นแม้แต่
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎรไทย ยังต้องออกมาพูดถึงประเด็นนี้ผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว
โดยในเฟสบุ๊คได้มีการโพสต์ถึงประเด็น ไฟไหม้ผับชลบุรี ว่า
ประวัติศาสตร์ซำ้รอย “ซานติก้าผับ”
เมื่อคืนเกิดเหตุสลด ไฟไหม้ผับ Mountain B ที่สัตหีบ ชลบุรี มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกท่านครับ
ว่าแล้วสักวันประวัติศาสตร์ต้องซ้ำรอย “ซานติก้าผับ” เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ไฟไหม้ในคืนปีใหม่ตายเจ็บร่วมร้อย
วันนี้กลับมาเกิดเรื่องอีกด้วยเหตุเดิมๆ คือ นึกอยากเปิดผับ ก็เปิด
ไม่อยากจะซ้ำเติม แต่ขั้นตอนป้องกันต้องมี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1. ทางเข้าออก ทางหนีไฟ ต้องมีหลายทาง
2. ได้รับอนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง จากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
3. ต้องจำกัดจำนวนคนเข้าตามขนาดพื้นที่ที่รับไหว หากคนเกินก็ไม่ให้เข้า จนกว่าจะมีคนออก
ขั้นตอนง่ายๆ ไม่ทำ ปล่อยปละละเลย ข้างในนอกจากมืดแล้วยังเสียงดัง มีทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
ชักสงสัยเหมือนกันว่าใน กทม. บรรดาผับดังของทุนจีนทั้ง เอกมัย ทองหล่อ อาร์ซีเอ มีทางออกกี่ทาง มีใบอนุญาตก่อสร้าง ใบอนุญาตผับ-บาร์ ถูกต้องไหม?
อยากให้ กทม. ยุคของท่านชัชชาติวิ่งไปดูหน่อยครับ ผับซานติก้าเมื่อ 10 กว่าปีก่อนยังหลอกหลอนไม่หาย
คนเข้าเป็นพัน แต่มีทางออกทางเดียว เพราะไม่ได้ขอเป็นผับแต่ต้น
ไหนจะใบอนุญาตตำรวจ คงให้เป็นแค่ร้านอาหาร แต่เปิดกันมั่วเนียนๆ เป็นผับทุกที่
คงไม่ต้องร้อง Traffy Fondue เพราะตอนนี้ กทม. เฉพาะตอบข้อร้องเรียน ก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
โพสต์ดังกล่าวได้มีชาวเน็ตเข้าไปกดถูกใจมากกว่า 2,900 ครั้ง และแชร์ 137 ครั้ง รวมทั้งร่วมคอมเมนต์กันอย่างมากมาย
โดยคอมเมนต์ พูดไปในเชิงที่ว่า ไม่แปลกที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำเพราะคนไทยลืมง่าย วิจารณ์ความสะเพร่าของโครงสร้างร้านที่มีทางเข้า-ออกเพียงแค่ทางเดียว อยู่ในประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงแทบทุกเรื่อง หรือบอกว่า ความปลอดภัยของคนไทยนั้นเป็น 0
ซึ่งโพสต์ดังกล่าวของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะโพสต์ถึง เมาท์เท่นบี ผับ ในตัวเมืองชลบุรีแล้ว นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ได้ตั้งข้อสงสัยถึงสถานบันเทิงผับดังที่มีนายทุนเป็นคนจีน ในกรุงเทพฯ มีทางเข้าออกทั้งหมดกี่ทาง มีใบอนุญาตได้รับการก่อสร้าง หรือใบอนุญาตผับ-บารือย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
พร้อมกล่าวว่าอยากให้ กรงุเทพฯ ยุคของ นายชัตชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ช่วยวิ่งดูความปลอดภัยของสถานบันเทิงในกรุงเทพ เน้นย้ำว่าเรื่อง ซานติก้าผับ เมื่อ 10 กว่าปีก่อนยังตามหลอกหลอนไม่หาย
และพูดถึงใบอนุญาตตำรวจ ที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวว่า คงให้เป็นแค่ร้านอาหาร แต่เปิดกันมั่ว เนียนๆ ให้เป็นผับทุกที่ ก่อนจะเสริมว่า คงไม่ต้องร้อง Traffy Fondue เพราะตอนนี้ กทม. เฉพาะตอบข้อร้องเรียน ก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
สุดท้ายแล้วแม้เหตุการณ์ไฟไหม้ผับชลบุรีจะไม่ใช่ที่แรกที่มีเหตุระทึก และน่าสลด รวมถึงผู้คนต้องสังเวยชีวิตให้กับกองไฟที่โหมกระหน่ำภายในร้านที่ถูกออกแบบไม่ได้มาตราฐาน ได้แต่หวังว่า เมาท์เท่าบี ผับ จะเป็นที่สุดท้ายที่สังเวยให้กับกองไฟที่เกิดจากความสะเพร่าของผู้ก่อสร้าง