แหล่งข่าวจาก กฟผ.เผย ประเทศไทยเสี่ยงไฟดับวงกว้างในบางพื้นที่ ช่วงเดือนสิงหาคม เหตุเพราะปริมาณสำรองเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าทั้งดีเซลและ LNG เหลือต่ำกว่าเกณฑ์
รายงานจากศูนย์ข่าวพลังงาน โดยอ้างอิงถึงแหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ว่า ในเดือนสิงหาคมนี้ว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟดับวงกว้างในบางพื้นที่ ( Partial Blackout ) ทำให้ กฟผ.ต้องเริ่มมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่สัปดาห์หน้านี้เป็นต้นไป เนื่องจากปริมาณสำรองเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้ง LNG และดีเซล อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติ โดยหากมีปัญหาที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าหลักที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ที่นอกเหนือไปจากแผน จะไม่สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าก๊าซหรือดีเซลทดแทนได้ เพราะเชื้อเพลิงมีจำกัด
อย่างไรก็ตามในแผนการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินด้านไฟฟ้าได้มีการประสานสั่งการให้ การไฟฟ้านครหลวง ( กฟน.) และการไฟฟ้าไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อดำเนินการเลือกสลับดับไฟในบางพื้นที่ หรือ (Partial Blackout) เอาไว้แล้ว
ทั้งนี้ประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าสัดส่วนประมาณ 60 % และเพื่อความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้าแต่ละโรงไฟฟ้าจะต้องมีถังสำรองน้ำมันดีเซล เพื่อให้ใช้ผลิตไฟฟ้าให้อยู่ได้อย่างน้อย 3 วัน
บทความที่น่าสนใจ
กกพ. เคาะขึ้นค่า FT ส่งผลให้ค่าไฟขึ้นสูงสุด 4.72 บาท รอบเดือน ก.ย. - ธ.ค. 65
กฟผ. รับมือแหล่งก๊าซฯ JDA-A18 หยุดจ่ายก๊าซฯ 14 วัน ยันไม่กระทบไฟฟ้าภาคใต้
อย่างไรก็ตามปัญหาราคา LNG ขยับสูงขึ้นมากถึงประมาณ 58 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู หรือคิดเป็นต้นทุนค่าไฟฟ้าประมาณ 8 บาทต่อหน่วย ทำให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือ (กกพ.) ที่มีบทบาทกำกับดูแลต้นทุนค่าไฟฟ้า เห็นว่า เดือนสิงหาคมนี้ โรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซซึ่งสามารถเดินเครื่องด้วยน้ำมันดีเซลทดแทนได้ จะต้องเดินเครื่องด้วยดีเซล ที่คิดเป็นต้นทุนผลิตไฟฟ้าประมาณ 4-5 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบค่าไฟฟ้าลงได้
ทำให้มีการผลิตไฟฟ้าด้วยดีเซลตามนโยบายในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นจึงจะต้องมีการบริหารจัดการขนส่งดีเซลเติมใส่ถังเก็บในโรงไฟฟ้าตลอดเวลา เพราะถังเก็บดีเซลมีอยู่จำกัด
โดยโรงไฟฟ้าของ กฟผ.นั้นต้องการดีเซลมาเติมสำรองในถังไว้ประมาณ 10-11 ล้านลิตรต่อวัน แต่ด้วยข้อจำกัดในการขนส่งของโออาร์ ที่จัดส่งน้ำมันให้โรงไฟฟ้าทางท่อได้ประมาณ 1 ล้านลิตรต่อวัน ทางรถบรรทุกได้อีกประมาณ 2 ล้านลิตรต่อวัน ทำให้โรงไฟฟ้าขาดเชื้อเพลิงดีเซลในการเดินเครื่อง จึงหันไปเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วย LNG เช่นเดิม
ในขณะที่ฝั่งคลังเก็บ LNG ของ ปตท. ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะนโยบายของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) นั้นให้ ปตท.จัดซื้อ LNG ส่วนที่นอกเหนือจากสัญญาระยะยาวคราวละช่วงสั้นๆเป็นรายเดือน ด้วยห่วงว่าการซื้อ LNG ในช่วงที่ราคาสูง จะกระทบต่อค่าไฟฟ้า เลยทำให้การนำเข้า LNG มาเติมใส่ในถังเก็บ ทำได้ไม่ทันกับที่ต้องใช้ไป ที่ผ่านมาจึงต้องไปใช้ LNG ในส่วนที่สำรองไว้กรณีฉุกเฉินแทน จึงทำให้ตลอดเดือนสิงหาคม คาดว่าสำรอง LNG ในถังจะต่ำกว่าเกณฑ์ ยกเว้นว่า กกพ.จะอนุมัติให้ ปตท. นำเข้า Spot LNG มาเติมอย่างเร่งด่วน
โดยแหล่งข่าวได้ระบุเพิ่มเติมว่า “ปัญหาความมั่นคงด้านไฟฟ้าของประเทศในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องว่าเรามีโรงไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่เป็นเรื่องของการขาดเชื้อเพลิงที่จะมาป้อนโรงไฟฟ้าในกรณีฉุกเฉิน โดยสถานการณ์เดือนสิงหาคมนั้นถือว่าโชคไม่ดี ที่เจอทั้งผลกระทบจากช่วงเปลี่ยนผ่านแหล่งก๊าซเอราวัณ ที่ผลิตก๊าซได้น้อยและต้องนำเข้า LNG ราคาแพงมาทดแทนแล้ว นโยบายการให้นำเข้า LNG ยังเป็นการตัดสินใจระยะสั้นเกินไป จนทำให้การสำรอง LNG มีปัญหากระทบความมั่นคง
“แล้วยังมาเจอปัญหาเรื่องแหล่งซอติก้าหยุดจ่ายก๊าซนอกแผน เพื่อซ่อมระบบท่อที่ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งอีกทางออกเพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงด้านไฟฟ้าในเดือนสิงหาคมนี้คือ ประชาชนต้องร่วมมือกันลดใช้ไฟฟ้าในช่วงที่เกิดพีคไฟฟ้าอย่างจริงจังตั้งแต่ 18.00-21.30 น. เพื่อลดฝั่งของดีมานด์ลง
“หรืออีกทางหนึ่ง ที่จะเติมฝั่งซัพพลาย คือ กกพ. ต้องมองเรื่องความมั่นคงไฟฟ้าเป็นสำคัญ รีบอนุมัติให้นำเข้า LNG มาเติมในถังเก็บเพื่อให้มีปริมาณสำรองที่เพียงพออยู่ในเกณฑ์ตลอด ถึงแม้ LNG แพงแค่ไหนก็ต้องยอมกัดฟันอนุมัติให้ซื้อ มองในฐานะผู้ใช้ไฟฟ้าตอนนี้เหมือนถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องเลือกเอาระหว่างกลับบ้านไปเสี่ยงไฟดับ หรือ เจอบิลค่าไฟฟ้าแพง ”
ที่มา : เตือน สิงหาคมไทยเสี่ยงถูกดับไฟบางพื้นที่ เหตุสำรองเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าเกณฑ์